ของใช้ใกล้ตัวที่หลายคนมักจะมองข้ามไป คิดว่ามันไม่พังก็ใช้ได้เรื่อยๆ แต่จริงๆ แล้วของพวกนี้แหละคือ “แหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี” ที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ ตัวเรา ยิ่งใช้ไปนานๆ ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ มาดูกันทีละหมวดเลยว่ามีอะไรบ้างที่ถึงเวลาต้องโละทิ้งแล้วหาซื้อใหม่
หมวดสุขอนามัยและของใช้ในห้องน้ำ : จุดชื้น สะสมเชื้อสุดๆ
ห้องน้ำนี่แหละเป็นสวรรค์ของเชื้อโรค เพราะมันทั้งชื้น ทั้งอับ แถมของหลายอย่างก็สัมผัสกับร่างกายเราโดยตรงเลยนะ
แปรงสีฟัน/หัวแปรงสีฟันไฟฟ้า 3 เดือนต้องเปลี่ยนนะ
แนะนำให้เปลี่ยนทุก 3 เดือนเป๊ะๆ หรือถ้ารู้สึกว่าขนแปรงมันเริ่มบาน เริ่มแผ่ เริ่มหงิกงอเมื่อไหร่ ก็ต้องเปลี่ยนทันที ไม่ต้องรอครบสามเดือน
ลองนึกดูสิครับ แปรงสีฟันเก่าๆ เนี่ยประสิทธิภาพการทำความสะอาดจะลดลงฮวบฮาบเลยนะ ที่สำคัญคือมันเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียหลายชนิดที่มาจากช่องปากของเราเอง เชื้อโรคเหล่านี้แหละที่อาจจะย้อนกลับมาทำให้เหงือกอักเสบ หรือมีปัญหาในช่องปากได้ ถ้าวันไหนเราป่วย ไม่ว่าจะเป็นหวัด เจ็บคอ หรือติดเชื้ออะไรก็ตาม ต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทันที เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเก่าๆ วนกลับเข้ามาทำร้ายเราอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ครับ
ชุดชั้นใน (บรา, กางเกงใน) ถึงไม่ขาดก็ต้องเปลี่ยน
ควรเปลี่ยนใหม่ทุก 6 เดือน ไปจนถึง 1-2 ปี ไม่ใช่แค่รอให้มันขาดหรือยางยืดเสื่อมนะ
ชุดชั้นในอยู่ใกล้ชิดกับจุดที่อับชื้นที่สุดของร่างกายเรา ทำให้มันเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อราได้ง่ายมาก ยิ่งถ้าเป็นชุดชั้นในชายที่ค่อนข้างหนา ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรามากกว่าเดิม ถ้าเป็นชุดชั้นในผู้หญิง ลองสังเกตดูว่าโครงเริ่มบิดเบี้ยวหรือโผล่ออกมา หรือบราเริ่มไม่กระชับเหมือนเดิมแล้วหรือยัง ถ้าไม่ช่วยพยุงทรงแล้วก็ถือว่าหมดอายุการใช้งานแล้วครับ การเปลี่ยนชุดชั้นในเป็นประจำคือการลงทุนเพื่อสุขอนามัยที่ดีของผิวหนังและจุดซ่อนเร้นเลยนะ
ใบมีดโกน/หัวมีดโกน นับครั้งใช้ดีกว่านับเดือน
แนะนำให้เปลี่ยนหลังใช้ไปประมาณ 3-6 ครั้ง
ใบมีดที่ใช้หลายครั้งมันจะเริ่มทื่อ ทำให้เวลาโกนต้องออกแรงมากขึ้น เสี่ยงต่อการบาดผิว เกิดผื่น หรือขนคุด การบาดนี่แหละเป็นช่องทางให้แบคทีเรียที่สะสมอยู่บนใบมีดเข้าไปสู่ผิวหนังและเกิดการอักเสบได้ง่ายมากๆ ยิ่งทิ้งไว้ในห้องน้ำที่ชื้นๆ ก็เสี่ยงต่อการเป็นสนิมอีกต่างหาก ดังนั้นใช้ไม่กี่ครั้งก็เปลี่ยนเถอะครับ ผิวจะได้ไม่พัง
ฟองน้ำ/ใยขัดตัว (Loofah/Body Sponges) อย่าปล่อยให้ราขึ้น
ใยบวบธรรมชาติทุก 3-4 สัปดาห์, ฟองน้ำใยสังเคราะห์ทุก 4-6 สัปดาห์
ใยขัดตัวเนี่ยเป็นของที่เราใช้ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ซึ่งเซลล์ผิวเหล่านั้นจะไปติดอยู่ตามซอกตามรูของฟองน้ำ พอเราแขวนทิ้งไว้ในห้องน้ำที่เปียกและอุ่น ชื้นๆ ก็เหมือนเรากำลังสร้าง “ห้องเพาะเลี้ยงเชื้อราและแบคทีเรีย” ชั้นดีเลยครับ ถ้าสังเกตเห็นว่ามันเริ่มมีจุดสีดำๆ หรือมีกลิ่นอับเมื่อไหร่ ให้โยนทิ้งทันที อย่าเสียดายเด็ดขาด เพราะนั่นคือเชื้อโรคที่คุณกำลังนำกลับไปถูตัวใหม่ทุกวัน
ผ้าเช็ดตัว 1-3 ปีก็พอแล้ว
ควรซื้อใหม่ทุก 1-3 ปี
แม้เราจะซักผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ แต่เมื่อใช้ไปนานๆ เส้นใยมันจะเริ่มเสื่อมและกระด้าง ประสิทธิภาพในการซับน้ำก็ลดลง ที่สำคัญคือ ต่อให้ซักแล้วมันก็ยังคงสะสมเชื้อโรค, ไรฝุ่น, และคราบสกปรกที่มองไม่เห็นไว้ในเส้นใย การเปลี่ยนใหม่จะช่วยให้คุณเช็ดตัวได้สะอาด แห้งสบาย และไม่เสี่ยงต่อการแพ้หรือผื่นคันจากเชื้อโรคที่สะสมอยู่
หมวดเครื่องนอน ไรฝุ่นเพื่อนสนิทที่เรามองไม่เห็น
เราใช้เวลาอยู่บนเตียงตั้งหนึ่งในสามของวัน ของใช้บนเตียงจึงเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษเลยล่ะ
หมอน (ที่ใช้หนุน) เปลี่ยนเพื่อคอและปอดของคุณ
เปลี่ยน ทุก 2-3 ปี
ข้อนี้สำคัญมาก หมอนเก่าๆ ไม่ได้แค่ยวบหรือแบนจนนอนไม่สบายเท่านั้น แต่ตลอดเวลาที่เรานอน หมอนมันจะดูดซับ เซลล์ผิวที่ตายแล้ว, เหงื่อ, น้ำลาย, น้ำมันจากผม, และที่น่ากลัวที่สุดคือ “ไรฝุ่น” ไรฝุ่นและมูลของมันเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการภูมิแพ้เลยนะครับ และเมื่อใช้ไปนานๆ น้ำหนักหมอนอาจเพิ่มขึ้นถึง 10% จากการสะสมของสิ่งเหล่านี้ นอกจากเรื่องเชื้อโรคแล้ว หมอนที่ยุบตัวแล้วก็ไม่สามารถรองรับกระดูกสันหลังส่วนคอได้อย่างเหมาะสม ทำให้คุณตื่นมาพร้อมอาการปวดคอหรือไหล่ได้ การเปลี่ยนหมอนใหม่จึงเป็นการช่วยทั้งระบบทางเดินหายใจและการจัดเรียงกระดูกของเราครับ
ผ้าปูที่นอน/ปลอกหมอน ซักบ่อยและเปลี่ยนชุดใหม่ตามกำหนด
ซักทุก 1-2 สัปดาห์ และเปลี่ยนชุดใหม่ทุก 2-3 ปี
เช่นเดียวกับหมอน ผ้าปูที่นอนก็สะสมเซลล์ผิวและไรฝุ่น การซักช่วยได้มาก แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ผ้าจะเริ่มบางลง, สีซีด, หรือมีคราบฝังแน่นที่ซักไม่ออก ซึ่งแปลว่ามันถึงจุดที่เส้นใยเสื่อมและไม่สะอาดเท่าที่ควรแล้ว
ผ้าห่ม/ผ้านวม อายุยืนกว่าเพื่อน แต่ก็ต้องดูแล
ซักทุก 2 สัปดาห์ถึง 2 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) และเปลี่ยนใหม่ทุก 5-10 ปี (สำหรับผ้านวมคุณภาพดี)
ผ้านวมมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหมอน แต่ก็ยังสะสมไรฝุ่นและฝุ่นละอองเหมือนกัน การนำไปซักหรืออบแห้งด้วยความร้อนสูงช่วยฆ่าเชื้อได้ แต่ถ้าผ้านวมเริ่มจับตัวเป็นก้อน ไม่ฟูเหมือนเดิม หรือมีกลิ่นอับที่ไม่หายไปหลังซัก นั่นเป็นสัญญาณว่าไส้ในเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนเพื่อให้ได้ความอบอุ่นและสุขอนามัยที่ดีครับ
หมวดทำความสะอาดและเครื่องครัว สะอาดที่เรามองข้าม
อุปกรณ์ที่เราใช้ทำความสะอาดและเตรียมอาหารนี่แหละที่สกปรกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
ฟองน้ำล้างจาน โคตรสกปรก (อันนี้จริงจังนะ)
เปลี่ยน ทุก 1-2 สัปดาห์
ฟองน้ำล้างจานที่ใช้แล้วเป็น วัตถุที่สกปรกที่สุดในบ้าน เลยทีเดียว มีงานวิจัยพบว่ามันสามารถมีแบคทีเรียหนาแน่นกว่าที่นั่งโถส้วมหลายเท่า เพราะมันชื้นตลอดเวลา และเต็มไปด้วยเศษอาหาร แบคทีเรียตัวร้ายอย่าง Salmonella และ E. coli ชอบอาศัยอยู่ที่นี่มาก การทำความสะอาดโดยการต้มหรือเข้าไมโครเวฟช่วยได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือต้องเปลี่ยนบ่อยๆ อย่าใช้จนเปื่อยครับ
เขียง (ไม้/พลาสติก) ร่องรอยบาดแผลคือบ้านของแบคทีเรีย
เปลี่ยนเมื่อเริ่มมีร่องรอยการตัดที่ลึก หรือมีคราบฝังแน่น
เวลาที่เราหั่นหรือสับ รอยมีดจะทำให้เกิดร่องลึกบนพื้นผิวเขียง ร่องเหล่านี้นี่แหละที่เศษอาหารและเชื้อแบคทีเรีย (โดยเฉพาะจากเนื้อสัตว์ดิบ) เข้าไปสะสมและทำความสะอาดออกได้ยากมาก ถ้าเขียงของคุณเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบที่ล้างไม่เกลี้ยงแล้ว ก็ถึงเวลาบอกลาแล้วเปลี่ยนเขียงใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการปรุงอาหารครับ
หมวดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ส่วนตัว ระวังติดเชื้อที่ดวงตา
มาสคาร่า/อายไลเนอร์ชนิดน้ำ 3 เดือนต้องไปแล้ว
เปลี่ยน ทุก 3 เดือน
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้ใกล้ดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะที่บอบบางที่สุด แปรงหรือหัวแปรงที่จุ่มกลับเข้าไปในหลอดซ้ำๆ จะพาเชื้อแบคทีเรียจากดวงตาเข้าไปปะปนในผลิตภัณฑ์ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดวงตา (เช่น ตาแดง) ได้ง่ายมาก ทางที่ดีที่สุดคืออย่าพยายามปั๊มแปรงเข้าออกเพื่อเอาเนื้อมาสคาร่าเพิ่ม เพราะนั่นคือการอัดอากาศเข้าไป ทำให้มาสคาร่าแห้งเร็วขึ้นและเพิ่มโอกาสให้แบคทีเรียเติบโต
แปรงแต่งหน้า ล้างบ่อยๆ เปลี่ยนเมื่อพัง
ทำความสะอาดทุก 1 สัปดาห์ และเปลี่ยนเมื่อขนแปรงหลุดหรือชำรุด
แปรงแต่งหน้าสะสมน้ำมันจากผิว, เหงื่อ, เครื่องสำอางเก่า, และแบคทีเรีย การทำความสะอาดเป็นประจำช่วยยืดอายุ แต่ถ้าขนแปรงเริ่มแข็งกระด้าง หรือเริ่มหลุดร่วง ก็หมายความว่าประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้
หวี/แปรงหวีผม สะสมทุกอย่างบนศีรษะ
เปลี่ยนทุก 1 ปี หรือเมื่อชำรุด
หวีเป็นตัวกลางที่สะสมทั้งเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว, น้ำมันจากหนังศีรษะ, ฝุ่น, และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ ควรแช่หรือล้างทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง และเมื่อซี่หวีเริ่มหัก แตก หรือแผ่นรองรับเริ่มหลุด ก็ควรเปลี่ยน เพราะหวีที่ชำรุดจะไม่สามารถหวีผมได้อย่างราบรื่นและอาจทำให้ผมขาดได้
สรุปกันอีกที การเปลี่ยนของใช้เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาดเท่านั้น แต่เป็นการ ป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ ที่มองไม่เห็น และยังช่วยให้คุณได้ใช้ของที่มี ประสิทธิภาพสูงสุด ในการดูแลร่างกายด้วยนะครับ ลองสำรวจดูรอบๆ ตัวว่ามีของชิ้นไหนที่ใช้เกินกำหนดมานานแล้วหรือยัง ถึงเวลาจัดบ้านและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นแล้วล่ะ
