ผ้าห่อลูกประคบสมุนไพร 10 ผืน ราคาเบาๆ แต่คุณภาพเกินราคา หลายคนที่ชอบทำลูกประคบสมุนไพรเอง หรือคุณแม่หลังคลอดที่ต้องต้มสมุนไพรอาบตัว จะรู้ดีว่าต้องมี “ผ้าห่อ” คุณภาพดีสักผืนถึงจะใช้งานสะดวกและทนทาน วันนี้จะพามารู้จักผ้าห่อลูกประคบแบบที่คนทำขายกันเยอะสุด และคนซื้อใช้แล้วติดใจ เพราะราคาถูกแต่คุณภาพไม่ถูกเลย
ผ้าห่อลูกประคบสมุนไพร (แพ็ค 10 ผืน) เป็นผ้าขาวบางอย่างดี เนื้อผ้า 10 ปอนด์ ตัดเย็บสำเร็จรูปเรียบร้อย ขนาดกำลังดี 45 x 45 เซนติเมตร เหมาะกับการห่อสมุนไพรสดหรือแห้งปริมาณ 50-300 กรัมต่อลูก ใช้ห่อเป็นลูกประคบนวดตัว หรือจะใส่สมุนไพรต้มอาบน้ำหลังคลอดก็ได้หมด ซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายสิบครั้ง ซื้อทีเดียวคุ้มยาว
ความพิเศษของ ผ้าห่อลูกประคบสมุนไพร
👉 เนื้อผ้าบางเบาแต่ทนทาน
ใช้ผ้า 10 ปอนด์ ที่บางพอให้ความร้อนและกลิ่นสมุนไพรซึมออกมาได้ดี แต่ไม่ขาดง่ายแม้เจอความชื้นและความร้อนจากการนึ่งบ่อยๆ
👉 ขนาดมาตรฐาน 45 x 45 ซม.
ห่อสมุนไพรได้พอดี ไม่ต้องตัดผ้าให้เสียเวลา เหมาะกับลูกประคบขนาดกลาง-ใหญ่ (50-300 กรัม) ม้วนหรือพับเก็บก็ไม่กินที่
👉 ตัดเย็บขอบอย่างดี
เย็บเก็บขอบรอบผืน ป้องกันปัญหาขอบลุ่ยหรือด้ายหลุด แม้ซักและใช้งานหนักก็ยังสวยเหมือนใหม่
👉 ระบายความร้อนและไอน้ำได้ดี
เนื้อผ้าโปร่งพอประมาณ ทำให้ความร้อนจากลูกประคบค่อยๆ ปล่อยออกมา ไม่ร้อนจนเกินไป และกลิ่นสมุนไพรฟุ้งกระจายเต็มที่
👉 ซักง่าย ตากแห้งไว
ซักมือหรือเครื่องก็ได้ ไม่ต้องรีด ผึ่งลมแป๊บเดียวแห้ง พร้อมใช้รอบต่อไปทันที
จุดเด่นของ ผ้าห่อลูกประคบสมุนไพร
✔ ราคาถูกมากแต่ไม่บางจนขาดง่าย
ผืนละ 15 บาท ซื้อ 10 ผืนเหลือแค่ 120 บาท (เฉลี่ยผืนละ 12 บาท) ถูกกว่าผ้าขาวบางทั่วไป แต่คุณภาพสูงกว่าที่ขายตามร้านทั่วไปหลายเท่า
✔ ซื้อแพ็ค 10 ผืน หมุนเวียนใช้ได้ยาว
มีผ้าเผื่อซักเผื่อเปลี่ยน ไม่ต้องรอผ้าผืนเดียวแห้ง ทำขายหรือทำใช้เองก็สบาย ไม่ขาดตอน
✔ คนทำลูกประคบขายการันตี
ร้านลูกประคบชื่อดังและคุณแม่หลังคลอดใช้ผ้ารุ่นนี้กันเยอะ เพราะทนจริง ใช้ซ้ำได้เป็นร้อยครั้งยังไม่ขาด
✔ สะอาด ปลอดภัย
ผ้าขาวใหม่แกะกล่อง ไม่ฟอกสี ไม่มีกลิ่นเคมี ใช้กับสมุนไพรสัมผัสผิวได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง
✔ ประหยัดสุดในระยะยาว
ผืนอื่นราคา 20-30 บาท ใช้ไม่ถึง 20 ครั้งก็ขาด แต่ผืนนี้ใช้เกิน 50-100 ครั้งสบาย คิดเป็นต้นทุนตกผืนละไม่ถึง 2 บาทต่อครั้ง
ถ้าอยากได้ผ้าห่อลูกประคบที่ “ถูก ทน ใช้ดีจริง” ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล ผ้า 10 ปอนด์ ขนาด 45×45 ซม. แพ็ค 10 ผืน ราคา 120 บาท คือคำตอบสุดท้าย ซื้อครั้งเดียวจบ ใช้กันยาวๆ ไปเลย
นิยาย ผืนผ้าสิบสองบาทที่เปลี่ยนชีวิต
ในหมู่บ้านเล็กๆ แถบอีสานที่ชื่อว่าบ้านหนองหญ้าใหญ่ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อป้าสมศรี อายุห้าสิบปลาย หน้าตายิ้มเก่ง ผิวคล้ำจัดจากแดด แต่ทุกคนในหมู่บ้านเรียกเธอว่า “แม่ลูกประคบ” เพราะตั้งแต่สามีเสียไปเมื่อสิบปีก่อน ป้าสมศรีก็เอาดีด้านทำลูกประคบสมุนไพรขาย ส่งไปทั่วประเทศ วันหนึ่งทำได้เป็นร้อยลูก รายได้วันละพันปลายๆ จนลูกสาวที่เรียนเมืองกรุงยังบอกว่า “แม่เก่งกว่าคนขายแฟรนไชส์อีก”
ทุกเช้าตรู่ ป้าจะตื่นมาจุดเตาเผาถ่าน นึ่งลูกประคบเป็นหม้อใหญ่ๆ กลิ่นขมิ้น ไพล ตะไคร้ ลอยฟุ้งไปทั้งซอย ลูกค้าประจำจะมารอรับตั้งแต่เจ็ดโมง บางวันออเดอร์ทะลักจนป้าต้องโทรบอกลูกค้าขอเลทหนึ่งวัน เพราะ “ผ้าห่อหมด” คำว่า “ผ้าห่อหมด” กลายเป็นคำสาปของป้า ทุกครั้งที่พูดประโยคนี้ออกไป ลูกค้าก็จะถอนหายใจแล้วบอกว่า “เดี๋ยวโทรใหม่นะแม่” แล้วก็หายไปเลย บางคนไปซื้อร้านอื่นที่แพงกว่าสองเท่าแต่ส่งของทันที
ป้าสมศรีเคยลองใช้ผ้าทุกแบบแล้ว ผ้าขาวบางห้าร้อยเมตร ผ้าดิบ ผ้ามัสลินนำเข้า ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาตั้งแต่ผืนละยี่สิบจนถึงร้อยกว่าบาท แต่ไม่มีแบบไหนอยู่ได้นานเลย บางทีนึ่งแค่สามสิบรอบก็ขาดแหลก บางทีขอบลุ่ยจนสมุนไพรเลอะเต็มหม้อ ป้าต้องนั่งเย็บขอบใหม่ทุกคืนจนตาแฉะ ลูกสาวเคยบอกให้ซื้อเครื่องอบไอน้ำแบบโรงงานใหญ่ๆ จะได้ไม่ต้องนึ่ง แต่ป้าบอกว่า “กลิ่นมันไม่เหมือน ลูกค้าเขารู้”
วันหนึ่ง ลูกค้าคนสำคัญโทรมา ออเดอร์สามร้อยลูก ส่งภายในสามวัน เป็นงานโรงพยาบาลเอกชนที่จัดอบรมแม่หลังคลอด ป้าคิดในใจว่างานนี้ได้เงินสองหมื่นกว่าบาท ซื้อข้าวให้ลูกสาวกินได้ทั้งเทอม แต่พอไปหยิบผ้าห่อในตู้ ใจมันหล่นวูบ เหลือแค่ยี่สิบผืนเก่าๆ ที่เย็บปะแล้วปะอีก ป้าคิดว่าจะสั่งผ้าจากร้านเดิม แต่ร้านบอกต้องรอผ้าล็อตใหม่มาอีกสิบวัน ป้าจะร้องไห้ตรงนั้นแหละ
คืนนั้นป้าเปิดเฟซบุ๊กดูกลุ่มลูกประคบมืออาชีพ เห็นคนโพสต์รูปผ้าขาวบางแพ็คสิบผืน ราคาหนึ่งร้อยยี่สิบบาท แคปชั่นเขียนว่า “ผืนละสิบสองบาท ใช้มาสามปี ยังไม่ขาดสักผืน” ป้าขำในใจ “โฆษณาเกินจริงชัดๆ” แต่พอเลื่อนดูคอมเมนต์ เห็นร้านลูกประคบดังๆ หลายร้านคอมเมนต์ว่าใช้จริง ใช้ดี ป้าจึงทักแชทไปถามแม่ค้า แม่ค้าตอบกลับมาว่า “ลองสิบแพ็คก่อนก็ได้ ส่งพี่พรุ่งนี้ถึงแน่นอน” ป้าคิดในใจว่าเสียเงินหนึ่งร้อยยี่สิบบาท ถ้าใช้ไม่ได้ก็ขาดทุน แต่ถ้าใช้ได้จะรวยเลย ป้าจึงกดโอนเงินทั้งน้ำตา
ของมาถึงจริงๆ ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น กล่องกระดาษธรรมดา ไม่มีโลโก้ ไม่มีสติกเกอร์อะไรทั้งนั้น เปิดออกมาเจอผ้าขาวบางพับสวยงามสิบแพ็ค ป้าจับดูแล้วขมวดคิ้ว “บางจัง ต้องขาดแน่เลย” แต่พอเอาไปห่อสมุนไพร นึ่งรอบแรก ความร้อนซึมออกมาได้พอดี กลิ่นสมุนไพรฟุ้งแบบที่ป้าชอบเป๊ะ ลูกประคบเย็นลงช้า ไม่ร้อนจนมือลูกค้าแดง ป้าลองนึ่งไปนึ่งมา สามสิบรอบ ห้าสิบรอบ ผ้าไม่ขาดเลยสักผืน ขอบยังตึง ไม่ลุ่ย ป้าตกใจจนนั่งลงกับพื้นห้องครัว “มันเป็นไปได้ยังไงวะผ้าสิบสองบาท”
สามเดือนผ่านไป ป้าสมศรีกลายเป็นคนละคน ออเดอร์พุ่งวันละห้าร้อยลูก มีคนตามมาขอซื้อสูตร ขอเรียนทำลูกประคบ ป้าจ้างเด็กในหมู่บ้านมาช่วยห่ออีกสี่คน เงินเข้ามาวันละสามสี่พันเป็นเรื่องปกติ ป้าซื้อผ้าห่อชุดนั้นเพิ่มอีกหนึ่งร้อยแพ็ค เก็บไว้ในห้องใหม่ที่ต่อเติมเพิ่ม ทุกคนในกลุ่มไลน์แม่ค้าลูกประคบพูดถึงแต่ “ผ้าป้าสมศรี” จนแม่ค้าคนเดิมที่ขายให้ป้าต้องโพสต์ขอบคุณป้าในเฟซบุ๊กว่า “ขอบคุณพี่สมศรีที่ทำให้ผ้าของเราดังโดยไม่ตั้งใจ”
แต่แล้ววันหนึ่ง ป้าสมศรีก็หายตัวไปจากวงการลูกประคบอย่างกะทันหัน เฟซบุ๊กปิด ไลน์กลุ่มเงียบ ไม่มีใครติดต่อได้ เด็กที่มาช่วยทำก็ถูกไล่ออก ลูกสาวที่กรุงเทพฯ โทรกลับบ้านก็ไม่มีคนรับ แต่ละคนเริ่มลือกันว่า “ป้าคงรวยมากแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ” บางคนบอก “ป้าคงถูกอุ้มเพราะขายถูกเกินไป” กลุ่มแม่ค้าลูกประคบแตกตื่น เพราะไม่มีป้าสมศรีแล้ว ผ้าห่อดีๆ ก็หายไปด้วย แม่ค้าคนเดิมที่เคยขายให้ป้าก็ประกาศว่า “ของหมด ไม่รับผลิตแล้ว” ราคาผ้าห่อในท้องตลาดพุ่งจากผืนละสิบสองบาท ขึ้นไปเป็นห้าสิบบาทในชั่วข้ามคืน
หนึ่งปีให้หลัง งานแฟร์สมุนไพรที่เมืองทองธานี มีบูธใหญ่โตมุมหนึ่ง ติดป้ายว่า “ลูกประคบป้าสมศรีแท้ 100%” คนแห่กันไปแน่นบูธ มีป้ายเขียนว่า “ผ้าห่อสูตรพิเศษ ใช้แล้วทิ้ง ราคาผืนละ 99 บาท” ทุกคนตกใจเมื่อเห็นป้าสมศรีในชุดสูทสีครีม ยืนยิ้มอยู่หลังเคาน์เตอร์ ลูกสาวยืนข้างๆ ถือป้าย “บริษัท สมศรี เฮิร์บ จำกัด”
ป้าสมศรีเล่าให้คนที่เคยซื้อของป้าว่า ปีที่แล้วป้าไม่ได้หายตัวไปไหน ป้าแค่ไปจดทะเบียนบริษัท ไปจดสิทธิบัตรผ้าชนิดใหม่ที่ป้าทดลองผสมเส้นใยพิเศษลงไปในผ้าฝ้ายธรรมดา ทำให้บางแต่ไม่ขาด ระบายไอน้ำได้ดีกว่าเดิมสามเท่า แล้วป้าไปซื้อโรงงานผลิตผ้าขาวบางในจังหวัดใกล้เคียงทั้งโรงงานเลย ด้วยเงินที่เก็บจากกำไรปีเดียว ป้าทุบราคาผ้าเก่าทิ้ง แล้วออกผ้าแบรนด์ตัวเองในชื่อ “สมศรี คอมเพรส คลอธ” ขายราคาผืนละเก้าสิบเก้าบาท แต่กำไรต่อผืนมากกว่าสมัยขายลูกประคบเสียอีก
ป้าบอกทุกคนด้วยรอยยิ้มว่า “ผ้าสิบสองบาทที่พวกหลานเคยซื้อจากป้า มันคือของจริง ของดีราคาถูก แต่ป้าอยากให้มันเป็นของป้าแต่เพียงผู้เดียว ป้าจึงต้องทำให้ของเก่าหมดตลาดไปก่อน แล้วค่อยออกของใหม่ในราคาที่ป้าควบคุมได้”
คนที่เคยซื้อผ้าสิบสองบาทจากป้ามาก่อนยืนอึ้ง บางคนโกรธ บางคนยิ้มแห้ง แต่ทุกคนต้องยอมรับว่า ป้าสมศรีเปลี่ยนจากแม่ค้าลูกประคบธรรมดาๆ คนหนึ่ง กลายเป็นเจ้าของโรงงานผ้าที่รวยที่สุดในวงการสมุนไพรไทยภายในปีเดียว และผืนผ้าสิบสองบาทที่เคยเป็นของถูกแสนถูก กลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันหาซื้อได้อีกแล้ว

