บูทแฟชั่นสไตล์เกาหลี ทรงสั้นส้นเตี้ย ใส่แล้วขาสวย เดินทั้งวันก็ไม่เมื่อย มาเจอกันอีกรุ่นที่สาว ๆ เห็นแล้วต้องกรี๊ด เพราะมันทั้งสวย ทั้งใส่สบาย แถมราคาไม่แรงด้วย รุ่นนี้เป็นบูทแฟชั่นทรงสั้นสไตล์เกาหลีที่กำลังฮิตมากในหมู่สาววัย 18-40 ปี ดีไซน์เรียบหรูดูแพงแต่ใส่ได้ทุกวันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ไว้โพสต์รูปอย่างเดียว
รองเท้ารุ่นนี้เป็น “บูทแฟชั่นทรงสั้น” (Short Boots) ความสูงของท่ออยู่แค่ช่วงข้อเท้าไปนิดเดียว ใส่แล้วขาดูยาวขึ้นทันที ไม่ตัดขาเหมือนบูททรงสูงทั่วไป หัวรองเท้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมกำลังดี ไม่แหลมจนเกินไป ทำให้เท้าดูเรียวสวยแบบธรรมชาติ สไตล์เกาหลีแท้ ๆ ที่เน้นความมินิมอลแต่มีกิมมิกเล็ก ๆ จากงานเย็บเดินด้ายรอบตัวรองเท้า ดูมีมิติสุด ๆ
มีให้เลือก 4 สีหลัก
สีเบจ (ปกติ)
สีดำ (ปกติ)
สีเบจเพิ่มกำมะหยี่ (ด้านในอุ่นมาก)
สีดำเพิ่มกำมะหยี่ (ด้านในอุ่นมาก)
ไซส์ยุโรปมาตรฐาน
36 = 23 ซม.
37 = 23.5 ซม.
38 = 24 ซม.
39 = 24.5 ซม.
40 = 25 ซม.
41 = 25.5 ซม.
วิธีใส่เป็นซิปด้านหลัง เปิด-ปิดง่ายมาก ไม่ต้องมานั่งผูกเชือกให้เสียเวลา
ความพิเศษของ รองเท้าบูทมาร์ตินข้อสั้น
👉 วัสดุหลักทั้งตัวเป็น PU เกรดดี ผิวสัมผัสนุ่มลื่น ดูเงาสวยเหมือนหนังแท้ แต่ราคาเบากว่าหลายเท่า ทำความสะอาดง่ายมาก แค่เช็ดก็กลับมาใหม่
👉 พื้นในและพื้นรองเท้าด้านในเป็น PU นุ่ม เดินแล้วเท้าไม่เมื่อย แม้ใส่เดินทั้งวัน
👉 รุ่นเพิ่มกำมะหยี่จะมีชั้นกำมะหยี่หนานุ่มบุด้านในทั้งท่อและพื้นเท้า ใส่หน้าหนาวหรือในห้องแอร์เย็น ๆ อุ่นสบายเท้ามาก ไม่ต้องใส่ถุงเท้าหนาให้เท้าบาน
👉 พื้นรองเท้าด้านล่างเป็นยางหนาพิเศษ กันลื่นได้ดีมาก ยึดเกาะถนนเปียกหรือพื้นลื่นได้แบบไม่ต้องกังวล
👉 กันน้ำระดับหนึ่ง ฝนตกปรอย ๆ หรือเดินพื้นเปียกไม่ซึมเข้าง่าย ๆ
👉 ส้นสูงแค่ 4 ซม. (ส้นเตี้ย-กลาง) เป็นส้นตึกหนา แข็งแรง ทรงตัวดี เดินนาน ๆ ไม่ปวดขา ไม่ล้มง่าย
👉 หัวรองเท้าทรงสี่เหลี่ยมกำลังฮิต ใส่แล้วเท้าดูเรียว ไม่บีบปลายเท้าเหมือนทรงแหลม
👉 งานเย็บเดินด้ายรอบตัวรองเท้าชัดเจน สวยเป๊ะทุกคู่ ไม่ใช่แค่ติดกาวอย่างเดียว ใส่ไปนาน ๆ ไม่ลอกง่าย
จุดเด่นของ รองเท้าบูทมาร์ตินข้อสั้น
จุดที่สาว ๆ ติดใจที่สุดคือ “ทรงสวยและใส่แล้วขาสวยจริง” เพราะท่อสั้นมากแค่เกาะข้อเท้า ทำให้ขาดูยาวขึ้นทันที เหมาะกับสาวขาสั้นหรือสาวตัวเล็กที่กลัวบูทตัดขา แมทช์ง่ายสุด ๆ ไม่ว่าจะใส่กับกางเกงยีนส์สกินนี่ กระโปรงสั้น หรูมิดิก็เริ่ดหมด ใส่ไปเที่ยว ไปคาเฟ่ ไปทำงานเบา ๆ ได้หมด ไม่ดูทางการหรือลำลองจนเกินไป
อีกเรื่องคือ “เดินสบายมากกก” ส้นแค่ 4 ซม. แต่เป็นส้นตึกหนา น้ำหนักกระจายดี บวกพื้นยางหนาและนุ่ม เดินห้างทั้งวันหรือเดินเที่ยวเมืองนอกก็ไม่เมื่อย ไม่ปวดฝ่าเท้า ไม่บาดเจ็บเหมือนใส่ส้นสูงทั่วไป หลายคนบอกว่าเป็นบูทที่ “เดินเยอะแค่ไหนก็รอด”
ซิปด้านหลังเป็นซิปอย่างดี ฟันซิปใหญ่ ลื่น เปิด-ปิดง่าย ไม่มีคำว่าแข็งหรือติด แม้ใส่บ่อยแค่ไหนก็ยังลื่นเหมือนวันแรก
สุดท้ายคือราคาคุ้มสุด ๆ ได้บูทสไตล์เกาหลีที่ดูแพง งานดี ใส่ได้จริงทุกวัน ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปแล้วเก็บเข้ากรุ แถมมีรุ่นกำมะหยี่ให้เลือกสำหรับคนที่ขี้หนาวด้วย
รุ่นนี้คือบูทที่ตอบโจทย์สาวสมัยใหม่แบบครบเครื่อง ทั้งสวย ใส่สบาย ทนทาน ราคาไม่แรง แถมแมทช์ง่ายได้ทุกลุค ถ้ากำลังมองหาบูทคู่แรกหรือคู่ใหม่ไว้เปลี่ยนทุกวัน รุ่นนี้คือคำตอบเลย ไม่มีผิดหวังแน่นอน
นิยาย รองเท้าคู่สีขาวที่เธอทิ้งไว้บนรถไฟฟ้า
ค่ำวันศุกร์ที่ฝนตกพรำๆ กรุงเทพฯ ยังคงวุ่นวายเหมือนทุกวัน ฉันยืนอยู่บนสถานีสยาม มือถือร่มสีดำสนิท กระเป๋าใบใหญ่ใบเดียว และรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่เริ่มขุย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงานที่บริษัทเก่า วันพรุ่งนี้ฉันจะบินไปเชียงใหม่ เริ่มชีวิตใหม่แบบที่ไม่ต้องเจอหน้าใครที่เคยทำให้หัวใจฉันแตกสลาย
บนชานชาลา มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนโดดเด่นผิดจากทุกคน เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวโอเวอร์ไซซ์ กางเกงยีนส์ขาม้าสีซีด และที่สะดุดตาที่สุดคือ “รองเท้าบูทมาร์ตินสีขาว” ข้อสั้น ส้นหนาประมาณสี่เซนติเมตร หนังเงาวับแม้ในวันที่ฝนตก เธอไม่ได้ใส่ถุงเท้า ข้อเท้าขาวเนียนโผล่พ้นขอบบูทเล็กน้อย ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนปลิวไปตามลม ฉันมองเธอจนลืมหายใจ
รถไฟฟ้าเข้า ฉันก้าวขึ้นพร้อมๆ กับเธอ ประตูปิด ฝนกระหน่ำกระจกหนักขึ้น เธอยืนจับราวข้างๆ ฉันพอดี มือบางๆ ถือกระเป๋าผ้าใบเล็กสีครีม ฉันได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ คล้ายดอกมะลิผสมวานิลลา กลิ่นที่เคยเป็นของ “แพรว” แฟนเก่าที่ทิ้งฉันไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว
ฉันหลับตา หายใจลึก เปิดตาอีกที เธอหายไปแล้ว เหลือเพียงรองเท้าบูทมาร์ตินสีขาวคู่หนึ่ง วางคู่กันสวยงามตรงพื้นรถไฟฟ้า ราวกับตั้งใจให้ใครสักคนเก็บ
ฉันก้มลงหยิบ สัมผัสแรกคือเย็นเฉียบแต่กลับนุ่มนวลเกินคาด หนัง PU เงาวับแต่ไม่แข็งกระด้าง ส้นหนารับน้ำหนักได้เต็มฝ่าเท้า ซิปด้านหลังยังคงลื่นปรื๊ดเหมือนเพิ่งแกะกล่อง ฉันมองไปรอบๆ ไม่มีใครสนใจ ฉันเลยเก็บมันใส่กระเป๋าใบใหญ่ของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล
คืนนั้น ฉันลองสวมมันดูในห้องพักเล็กๆ ย่านอ่อนนุช ขาสวยขึ้นจริงอย่างที่รีวิวทุกคนบอก กระจกบอกฉันว่าฉันดูสูงขึ้น ดูแพงขึ้น ดูเหมือนคนที่พร้อมเริ่มต้นใหม่ ฉันถ่ายรูปส่งให้เพื่อนสนิทคนเดียวที่รู้เรื่องแพรว เพื่อนตอบกลับมาสั้นๆ ว่า
“ระวังนะเว้ย รองเท้าคู่สีขาวแบบนี้ มันไม่ใช่ของธรรมดา”
ฉันหัวเราะ ไปนอนโดยไม่คิดอะไร
วันรุ่ง ฉันตื่นมาเจอจดหมายปริศนาสอดใต้ประตูห้อง เป็นกระดาษสีครีม เขียนด้วยลายมือหวัดสวย
“ขอบคุณที่เก็บรองเท้าให้ ถ้ามีโอกาส ขอเจอกันที่ร้านกาแฟชั้นสี่ สยามพารากอน เวลาบ่ายสามโมง ฉันจะใส่บูทสีขาวคู่ใหม่เหมือนกัน
คนที่ลืมรองเท้าบนรถไฟฟ้า”
หัวใจฉันเต้นแรง ฉันหยิบบูทสีขาวขึ้นมาดูอีกครั้ง คราวนี้สังเกตเห็นรอยปากกาเมจิกเล็กๆ ที่พื้นรองเท้าด้านใน เขียนไว้ว่า “Praw” ตัว P กับตัว r เชื่อมกันแบบลายเซ็นที่ฉันคุ้นเคยจนขนลุก
บ่ายสามโมง ฉันไปตามนัด สวมบูทคู่สีขาวที่เก็บมา เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ขาม้า ฉันแต่งตัวเลียนแบบเธอโดยไม่รู้ตัว ร้านกาแฟคนแน่น แต่ฉันเห็นเธอทันที เธอนั่งอยู่มุมหน้าต่าง สวมบูทสีขาวคู่ใหม่เหมือนกันทุกประการ ยกเว้นคู่นี้ไม่มีรอยเขียนชื่อ
เธอยิ้มให้ ฉันเดินเข้าไปนั่งตรงข้าม
“ขอบคุณที่เอามาคืน” เธอพูดเสียงนุ่ม
“ทำไมถึงทิ้งไว้” ฉันถามกลับ
เธอหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่ได้ทิ้ง ฉันแกล้งวางไว้ให้คนที่ ‘ควรได้’ หยิบไป”
ฉันขมวดคิ้ว เธอเลื่อนแก้วกาแฟเย็นให้ฉันหนึ่งแก้ว แล้วพูดต่อ
“ฉันชื่อพรี่ เป็นเพื่อนสนิทแพรวมากที่สุด แพรวบอกฉันว่า ถ้าเธออยากเริ่มต้นใหม่จริงๆ เธอต้องมีรองเท้าคู่สีขาวที่ทำให้รู้สึกมั่นใจ แพรวเลยสั่งบูทมาร์ตินสีขาวสองคู่เหมือนกันทุกอย่าง คู่หนึ่งให้ฉัน คู่นึงให้เธอ แพรวตั้งใจจะใส่ไปหาเธอวันศุกร์นั้น แต่สุดท้าย… เธอเลือกไปแต่งงานกับคนอื่น”
ฉันนิ่งไปทั้งตัว น้ำตาเกือบไหล
“แพรวเลยให้ฉันเอามาทิ้งไว้บนรถไฟฟ้า โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าคนที่เก็บไปคือคนที่เธอยังรักอยู่จริงๆ เขาจะต้องใส่มันมาหาฉันในหนึ่งวัน ถ้าไม่มา… ก็ถือว่าแพรวคิดผิด”
ฉันมองลงที่เท้า มองบูทสีขาวที่สวมอยู่ แล้วเงยหน้ามองพรี่
“แล้วถ้าฉันมา… ล่ะ”
พรี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปวิดีโอสั้นๆ เป็นแพรวในชุดเจ้าสาว ยืนอยู่ข้างเจ้าบ่าว แต่กล้องซูมมาที่เท้าเธอ แพรวสวมบูทมาร์ตินสีขาวคู่เดียวกับที่ฉันใส่อยู่ทุกประการ
แพรวในวิดีโอยิ้มทั้งน้ำตา แล้วพูดว่า
“ถ้าเธอเห็นคลิปนี้ แปลว่าเธอยังรักฉัน… แต่ฉันขอโทษ ฉันเลือกทางของฉันแล้ว ขอให้รองเท้าคู่สีขาวคู่นี้ พาเธอไปเจอคนที่รักเธอมากกว่าที่ฉันเคยรัก ขอให้เธอเดินต่อไปได้… โดยไม่ต้องหันกลับมามองฉันอีกเลย”
จบคลิป พรี่วางโทรศัพท์ลง แล้วยิ้มให้ฉันอีกรอบ
“แพรวฝากบอกว่า ขอบคุณที่ยังรักเธอจนวินาทีสุดท้าย และขอให้บูทคู่สีขาวคู่นี้ เป็นของเธอตลอดไป”
ฉันนั่งนิ่งอยู่นานมาก ฝนยังตกอยู่นอกกระจก พรี่ลุกขึ้นกอดฉันเบาๆ แล้วเดินออกจากร้านไป ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่กับบูทสีขาวที่ตอนนี้หนักอึ้งด้วยความหมายที่ไม่เคยรู้มาก่อน
สามเดือนต่อมา ฉันสวมบูทคู่เดิมทุกวัน ใส่ไปทำงานใหม่ที่เชียงใหม่ ใส่ไปเดินดอย ใส่ไปนั่งร้านกาแฟเล็กๆ ทุกที่ที่ไปมีคนทักว่าบูทสวยมาก ฉันยิ้มได้โดยไม่เจ็บอีกต่อไป
วันหนึ่ง ฉันนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ร้านคิดถึงเขา มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวโอเวอร์ไซซ์ กางเกงยีนส์ขาม้า และบูทมาร์ตินสีขาวข้อสั้น ส้นหนา เงาวับเหมือนคู่ของฉันทุกประการ เธอยิ้มให้ฉัน แล้วพูดว่า
“บูทคู่สีขาวของพี่สวยมากเลย หนูสั่งสีขาวมาเหมือนกัน แต่ยังไม่กล้าใส่เลยค่ะ กลัวขาวไป”
ฉันหัวเราะเบาๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งข้างๆ
“ใส่เลย ไม่ต้องกลัว มันพาเราไปเจอคนที่ใช่ได้จริงๆ นะ”
เธอยิ้มตาเป็นประกาย ฉันมองเท้าเธอที่ยังใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก่า แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อสามเดือนที่แล้ว
บางที รองเท้าบูทมาร์ตินสีขาวคู่นี้ อาจไม่ได้พาแพรวกลับมา แต่มันพาคนที่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับฉัน… มาหาฉันจริงๆ
และนั่นคือจุดที่ฉันรู้ว่า เรื่องราวของรองเท้าคู่สีขาว ยังไม่จบ แค่เปลี่ยนเจ้าของความหมายใหม่เท่านั้นเอง

