แว่นกรองแสงสีฟ้า Botanic Super Blue Block ถนอมสายตาในยุคดิจิทัล ในยุคที่ทุกคนใช้หน้าจอมากขึ้น แว่นกรองแสงสีฟ้าจาก Botanic Glasses รุ่น Super Blue Block กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต โดยรุ่นนี้เน้นการกรองแสงสีฟ้าสูงสุด 95% และกันรังสี UV อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมดีไซน์ทันสมัยที่ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย
Botanic Super Blue Block เป็นแว่นตากรองแสงสีฟ้าแบบไม่มีค่าสายตา (สำหรับสายตาปกติ) จากแบรนด์ Botanic Glasses ของไทย ที่พัฒนาเลนส์ให้กรองแสงสีฟ้าได้จริงสูงสุด 95% ผ่านการทดสอบมาตรฐาน เลนส์มีสีอมเหลืองเล็กน้อย ซึ่งเป็นลักษณะปกติของเลนส์กรองแสงสีฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง กรอบแว่นผลิตจากวัสดุคุณภาพดี น้ำหนักเบา สวมใส่สบายตลอดวัน มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ดำ ชมพู ทองหน้าดำ และเงิน ทรงกรอบออกแบบทันสมัย หรูหรา ใส่ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หรือใครก็ตามที่ต้องการสไตล์พรีเมียม
ชุดสินค้าที่ได้รับประกอบด้วยแว่นตาหลัก ไฟฉายทดสอบแสงสีฟ้า แผ่นทดสอบการกรองแสง ซองหนังเอ็กซ์คลูซีฟ ผ้าเช็ดเลนส์พรีเมียม กล่องรักษ์โลกจากวัสดุธรรมชาติ และเมล็ดทานตะวันสำหรับปลูก เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ความพิเศษของ แว่นกรองแสงสีฟ้า Botanic Super Blue Block
👉 การกรองแสงสีฟ้าและ UV
เลนส์ Super Blue Block กรองแสงสีฟ้าสูงสุด 95% ผ่านการทดสอบทุกรุ่น ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ทะลุถึงจอประสาทตา พร้อมป้องกันรังสี UV 400, UVA, UVB อย่างครบถ้วน ทำให้ดวงตาได้รับการปกป้องจากอันตรายทั้งจากหน้าจอดิจิทัลและแสงแดด
👉 เหมาะสำหรับการใช้งานหน้าจอนาน
ออกแบบมาเพื่อคนที่ใช้มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ช่วยลดอาการปวดตา ตาแห้ง และเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา ทำให้ทำงานหรือเล่นเกมได้สบายขึ้นโดยไม่รู้สึกอึดอัด
👉 ดีไซน์และความสบาย
กรอบแว่นหรูหรา น้ำหนักเบา สวมใส่สบายทั้งวัน กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า ได้มาตรฐานสากล สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ง่ายด้วยระบบกด ไม่มีน็อตไข ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย
👉 ชุดของแถมครบครัน
มาพร้อมไฟฉายและแผ่นทดสอบแสงสีฟ้าสำหรับตรวจสอบคุณภาพเองที่บ้าน ซองหนังบุกำมะหยี่ ผ้าเช็ดเลนส์นาโน และกล่องรักษ์โลกพร้อมเมล็ดพันธุ์ทานตะวัน
จุดเด่นของ แว่นกรองแสงสีฟ้า Botanic Super Blue Block
จุดเด่นที่ทำให้ Botanic Super Blue Block โดดเด่นกว่าคู่แข่งคือการรวมคุณภาพสูงเข้ากับการดูแลสิ่งแวดล้อมและความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ ระบบทดสอบแสงสีฟ้าที่แถมมาให้ เช่น ไฟฉายและแผ่นทดสอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้เองว่ากรองแสงได้จริงเกิน 95% หรือไม่ โดยแผ่นทดสอบจะไม่เปลี่ยนสีหากเลนส์ทำงานดี ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายแบรนด์ไม่มีให้ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการรักษ์โลกผ่านกล่องที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่าย ลดการใช้เทปพลาสติก 50% และมีเมล็ดทานตะวันให้ปลูกต่อยอดได้จริง ทำให้การซื้อครั้งนี้ไม่ใช่แค่ได้แว่นดี แต่ยังมีส่วนร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติ
ดีไซน์ยังเป็นอีกจุดแข็งที่แตกต่าง กรอบแว่นมีสีสันหลากหลาย ทันสมัย หรูหรา ใส่แล้วดูดีทั้งในชีวิตประจำวันและที่ทำงาน ไม่ดูเหมือนแว่นกรองแสงทั่วไปที่มักมีสีเหลืองจัดจ้าน วัสดุกรอบแข็งแรงแต่เบา สวมสบายนานๆ ไม่กดจมูกหรือหนีบศีรษะ ระบบเปลี่ยนเลนส์แบบกดง่าย ช่วยให้ปรับแต่งได้ตามต้องการในอนาคต ส่วนชุดของแถมทั้งหมดเป็นของพรีเมียม เช่น ซองหนัง Exclusive ที่บุกำมะหยี่นุ่ม ล็อคปิดแน่นหนา และผ้าเช็ดเลนส์คุณภาพสูงที่ไม่ขูดเลนส์ ทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน
Botanic Super Blue Block ไม่ใช่แค่แว่นกรองแสงธรรมดา แต่เป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องทั้งด้านสุขภาพดวงตา ดีไซน์ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หากใครกำลังมองหาแว่นที่ช่วยถนอมสายตาจากโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมของแถมที่อลังการและมีประโยชน์จริง นี่คือรุ่นที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง
นิยาย แว่นตาแห่งแสงสีคราม ตำนานของผู้พิทักษ์สายตาในโลกแห่งไอน้ำและเวทมนตร์
ในยุคที่จักรวาลแห่งอาร์คาเนียถูกปกคลุมด้วยหมอกไอน้ำหนาแน่น เมืองหลวงเอเทอเรียลลอยตัวอยู่บนก้อนเมฆเหล็กกล้า ด้วยเครื่องจักรไอน้ำขนาดมหึมาที่ขับเคลื่อนด้วยเวทมนตร์โบราณ ชาวเมืองทุกคนต่างพึ่งพาแสงสีฟ้าที่แผ่ออกมาจาก “คริสตัลอีเทอร์” แหล่งพลังงานหลักของโลกนี้ แสงนั้นสวยงามราวกับท้องฟ้าที่ไม่มีวันดับ แต่ในความงามนั้นซ่อนอันตรายร้ายแรง เมื่อเวลาผ่านไปนานแสงสีฟ้าจะกัดกินจิตวิญญาณ ทำให้ผู้คนตาบอดภายใน กลายเป็นเพียงร่างไร้ชีวิตที่ยังเดินได้
เอลิเซีย นักประดิษฐ์สาวผู้มีผมสีเงินและดวงตาเหมือนคริสตัลสีฟ้า เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจาก “โรคสายตาไหม้” ที่เคยคร่าชีวิตครอบครัวของเธอ เธอใช้ชีวิตในหอคอยสูงตระหง่านของสมาคมนักประดิษฐ์ วันหนึ่งเธอได้รับมรดกจากอาจารย์ผู้ล่วงลับ เลนส์คริสตัลสีฟ้าโบราณที่สามารถกรองแสงสีฟ้าที่อันตรายออกไปได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ทำให้โลกมืดมิด เธอตั้งชื่อมันว่า “Super Blue Block” และเริ่มสร้างแว่นตาคู่หนึ่งจากโลหะผสมทองแดงและเหล็กไอน้ำ กรอบแว่นประดับด้วยเฟืองเล็กๆ ที่หมุนตามจังหวะหัวใจของผู้สวมใส่ ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
เมื่อเอลิเซียสวมแว่นตาคู่นั้นครั้งแรก เธอรู้สึกถึงพลังเวทที่ไหลผ่านเลนส์ มันไม่ใช่แค่กรองแสง แต่ยังขยายความสามารถในการมองเห็นเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ในทุกสิ่ง เธอเห็น “เส้นใยแสง” ที่เชื่อมโยงระหว่างคริสตัลอีเทอร์กับเครื่องจักรทุกชิ้นในเมือง เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อแจกจ่ายแว่นตาให้ชาวเมืองที่ถูกแสงสีฟ้ากัดกินจิตวิญญาณ
การเดินทางของเอลิเซียเริ่มต้นจากตลาดลอยฟ้า เธอพบกับเด็กหนุ่มชื่อไคโรน ช่างกลไกผู้มีร่างกายครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องจักรไอน้ำ เขาเคยเป็นนักรบที่สูญเสียดวงตาไปจากแสงสีฟ้า และตอนนี้ใช้แขนกลแทนแขนจริง ไคโรนไม่เชื่อในเวทมนตร์ เขาเชื่อเพียงในเฟืองและไอน้ำ แต่เมื่อเอลิเซียสวมแว่นตาให้เขา เขาก็เห็นภาพชัดเจนเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ดวงตาเหล็กของเขาสั่นไหวด้วยความประหลาดใจ “นี่คือ… เวทมนตร์จริงๆ เหรอ” เขาถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ เอลิเซียยิ้ม “ไม่ใช่เวทมนตร์ธรรมดา มันคือความสมดุลระหว่างเวทและเครื่องจักร”
ทั้งสองร่วมกันเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ผ่านป่าหมอกไอน้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดกลไก ไปจนถึงภูเขาทองแดงที่ปกครองโดยราชินีเวทมนตร์แห่งไอน้ำ พวกเขาแจกจ่ายแว่นตาให้ชาวบ้านและนักรบที่ถูกแสงสีฟ้าทำร้าย ทุกคนที่สวมใส่ต่างรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง พวกเขามองเห็น “แสงมืด” ที่ซ่อนอยู่ในคริสตัลอีเทอร์ แสงที่กำลังกัดกินโลกช้าๆ เอลิเซียเริ่มเข้าใจว่าแว่นตาของเธอไม่ใช่แค่เครื่องป้องกัน แต่เป็นกุญแจสู่การเปิดเผยความลับของโลก
กลางคืนหนึ่ง ขณะที่พวกเขาพักในค่ายช่างกลไกบนชายแดน ไคโรนสารภาพว่าเขาเคยเป็นสายลับของสมาคมนักประดิษฐ์ที่ถูกห้าม เขาได้รับคำสั่งให้ขโมยสูตรเลนส์ Super Blue Block เพื่อทำลายมัน เพราะหากทุกคนสวมแว่นตานี้ได้ พลังของคริสตัลอีเทอร์จะถูกเปิดเผย และสมาคมจะสูญเสียอำนาจควบคุม เอลิเซียตกตะลึง เธอคิดว่าไคโรนเป็นเพื่อนแท้ แต่เขากลับทรยศตั้งแต่แรก เธอถอดแว่นตาออกจากเขา และโยนมันลงพื้น “ฉันเชื่อใจเธอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแตกสลาย “แต่เธอกลับเป็นเพียงเครื่องจักรที่ถูกควบคุม”
ไคโรนยืนนิ่ง ดวงตาเหล็กของเขาไร้แสง เขาไม่ได้ปฏิเสธ เขาเพียงก้มหน้า “ฉันไม่มีทางเลือก” เขากล่าว “แสงสีฟ้าไม่ได้ทำลายดวงตาของฉันเท่านั้น มันยังทำลายหัวใจของฉันด้วย” เอลิเซียรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งกว่าโรคสายตาไหม้ เธอเดินจากไปคนเดียว ทิ้งแว่นตาคู่หนึ่งไว้ให้เขาเป็นการอำลา
แต่เรื่องราวยังไม่จบลง
ในคืนที่มืดมิดที่สุด เอลิเซียเดินทางกลับสู่เมืองเอเทอเรียล เธอบุกเข้าไปในหอคอยสูงสุดของสมาคมนักประดิษฐ์ ที่ซึ่งคริสตัลอีเทอร์ขนาดมหึมาถูกปกป้องด้วยเฟืองเวทมนตร์ เธอสวมแว่นตา Super Blue Block คู่สุดท้าย และมองเห็นความจริงที่น่าตกตะลึง แสงสีฟ้าที่ทุกคนกลัวไม่ใช่ศัตรู มันคือพลังชีวิตของโลกเอง หากกรองมันออกไปหมด โลกจะตายลงอย่างช้าๆ สมาคมนักประดิษฐ์ไม่ได้ปกป้องโลกจากแสงสีฟ้า แต่พวกเขากำลังใช้มันเป็นอาวุธเพื่อควบคุมประชาชน ไคโรนไม่ได้ทรยศเธอจริงๆ เขาแสร้งทำเป็นสายลับเพื่อให้เธอเข้าใกล้คริสตัล และใช้แว่นตาเปิดเผยความจริง
เอลิเซียยืนอยู่หน้าคริสตัลใหญ่ เธอถอดแว่นตาออกช้าๆ แสงสีฟ้าพุ่งเข้าสู่ดวงตาของเธอ เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การทำลาย มันคือการหลอมรวม เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของคริสตัล กลายเป็นผู้พิทักษ์แสงสีฟ้าที่แท้จริง
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ชาวเมืองตื่นขึ้นมาพบว่าแสงสีฟ้าที่เคยอันตรายกลายเป็นแสงแห่งความหวัง พวกเขาไม่ต้องการแว่นตา Super Blue Block อีกต่อไป เพราะโลกได้สมดุลแล้ว ไคโรนยืนมองหอคอยที่สลายไปพร้อมเอลิเซีย เขาหยิบแว่นตาคู่ที่เธอทิ้งไว้ขึ้นมา สวมมันลง และยิ้มอย่างเศร้าๆ “ขอบคุณที่เปิดตาให้ฉัน” เขากล่าว “และขอบคุณที่ทำให้ฉันเห็นหัวใจของตัวเอง”
ตำนานของแว่นตา Super Blue Block ยังคงถูกเล่าขานในอาร์คาเนีย ว่าเป็นสิ่งที่ปกป้องสายตาไม่ใช่จากแสงภายนอก แต่จากความมืดในจิตใจ และในท้ายที่สุด มันไม่ได้กรองแสงออกไป แต่ทำให้ทุกคนเห็นแสงที่แท้จริงของโลกนี้

