เสียมเหล็กยาว 70 ซม. กับเสียมสแตนเลสญี่ปุ่น ตัวช่วยงานสวนและงานเกษตรที่คนใช้จริงการันตี สวัสดีชาวสวน ชาวไร่ และคนชอบขุดดินเล่น วันนี้จะมาพูดถึงเครื่องมือพื้นฐานที่แทบทุกบ้านต้องมีสักอัน นั่นคือ “เสียม” โดยเฉพาะสองรุ่นที่ขายดีตลอดกาล คือ เสียมเหล็กยาว 70 ซม. แบบไทยบ้านเรา กับเสียมสแตนเลสญี่ปุ่นด้ามไม้สั้น 20 นิ้ว สองตัวนี้ต่างสไตล์ ต่างจุดเด่น แต่ช่วยงานได้จริงทั้งขุดดิน ถากหญ้า ดายหญ้า หรือจะใช้ถางวัชพืชก็ไหว
ทำความรู้จักสินค้า เสียมทั้งสองรุ่นนี้ผลิตมาเพื่องานขุดและตัดวัชพืชโดยเฉพาะ
รุ่นแรก “เสียมเหล็กยาว 70 ซม.” เป็นเสียมเหล็กคาร์บอนแบบไทยแท้ ด้ามไม้จริงยาวเต็ม 70 เซนติเมตร หัวเสียมเป็นเหล็กหลอมคมทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งแบนสำหรับขุดหรือดายหญ้า อีกด้านแหลมสำหรับเจาะดินแข็ง น้ำหนักรวมประมาณ 1.8-2 กิโลกรัม
รุ่นที่สอง “เสียมสแตนเลสญี่ปุ่น” หัวเสียมทำจากสแตนเลสคุณภาพสูง (เกรดที่ญี่ปุ่นนิยมใช้ทำเครื่องมือเกษตร) ด้ามไม้ฮิกคอรี่แท้เคลือบน้ำมันธรรมชาติ ความยาวรวมเสียมแค่ 20 นิ้ว (ประมาณ 50 ซม.) เบามาก เหมาะมือคนตัวเล็กหรือใช้ในพื้นที่แคบ
ความพิเศษของ เสียมทั้งสองรุ่น
👉 เสียมเหล็กยาว 70 ซม.
หัวเสียมทำจากเหล็กคาร์บอนผสมแมงกานีส ทำให้คมและแข็งเป็นพิเศษ ทนการกระแทกสูง ใช้ขุดดินเหนียวหรือดินแข็งได้สบาย งานเชื่อมระหว่างหัวเสียมกับปลอกเหล็กแน่นหนาแบบเชื่อมเต็ม ไม่มีหลุดง่าย ๆ ด้ามไม้เนื้อแข็ง (ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็งท้องถิ่น) ผ่านการอบแห้งและขัดเงา ถือแล้วไม่ลื่นมือ ความยาว 70 ซม. ช่วยให้ยืนตัวตรงขุดได้ ไม่ต้องก้มมาก ลดอาการปวดหลัง เหมาะกับการขุดหลุมปลูกต้นไม้ใหญ่ ขุดร่องน้ำ หรือถางหญ้าพื้นที่กว้าง
👉 เสียมสแตนเลสญี่ปุ่นด้ามไม้ 20 นิ้ว
หัวเสียมเป็นสแตนเลสแท้ 100% ไม่เป็นสนิมแม้ใช้ในดินเปียกหรือดินเค็มตลอดทั้งปี ขอบใบมีดบางและคมมาก ผลิตด้วยเทคโนโลยีญี่ปุ่น ทำให้ตัดรากหญ้าหรือวัชพืชได้เนียนกริบ ด้ามไม้ฮิกคอรี่ (ไม้ที่ญี่ปุ่นนิยมทำด้ามเครื่องมือ) มีน้ำหนักเบาและดูดซับแรงกระแทกดีมาก เวลาตีลงดินแรงสั่นมือน้อยกว่าด้ามเหล็กทั่วไป ความยาวสั้นทำให้ควบคุมได้แม่นยำ เหมาะกับงานละเอียด เช่น ถากหญ้ารอบโคนต้นไม้ ดายหญ้าในแปลงผัก หรือใช้ในสวนขนาดเล็ก
จุดเด่นของ เสียมทั้งสองรุ่น
เสียมเหล็กยาว 70 ซม. คือตำนานของชาวสวนไทยจริง ๆ เพราะราคาเข้าถึงง่าย ทนทานแบบสุด ๆ ซ่อมได้ง่าย หาซื้อด้ามใหม่หรือหัวใหม่เปลี่ยนได้ตามร้านทั่วไป แรงเหวี่ยงดีมาก ด้วยความยาวและน้ำหนักที่สมดุล เวลาเหวี่ยงลงดินแข็งทีเดียวทะลุเลย ไม่ต้องออกแรงเยอะ เหมาะกับคนที่ทำงานหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง หรือพื้นที่ดินเหนียวดินแข็งแบบภาคกลางหรืออีสาน ถ้าใช้บ่อย ๆ หัวเสียมอาจจะต้องลับบ้าง แต่ลับง่ายและคมกลับมาเหมือนใหม่เสมอ คนเฒ่าคนแก่หลายคนบอกว่าใช้มาตั้งแต่สมัยพ่อยังหนุ่ม ซ่อมแซมมาแล้วหลายรอบแต่ยังอยู่คู่บ้านมาถึงรุ่นหลาน
ส่วนเสียมสแตนเลสญี่ปุ่นนั้น จุดเด่นคือ “ไม่ต้องดูแลเลย” ล้างน้ำแล้วเช็ดแห้งก็จบ ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมกินเหมือนเหล็กทั่วไป น้ำหนักเบามาก (ประมาณ 800-900 กรัม) ทำให้ผู้หญิงหรือคนสูงวัยใช้ได้ทั้งวันโดยไม่เมื่อย ความคมจากโรงงานญี่ปุ่นนั้นคมระดับที่ตัดรากหญ้าขนาดนิ้วก้อยขาดในทีเดียว งานจึงเสร็จเร็วกว่าปกติ แถมด้ามไม้ฮิกคอรี่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ถือแล้วเท่แบบชาวสวนญี่ปุ่นจริง ๆ คนที่ปลูกบอนไซ ทำสวนจัดภูมิทัศน์ หรือมีแปลงผักเล็ก ๆ มักยกให้รุ่นนี้เป็นของโปรด เพราะพกพาสะดวก เก็บในรถยนต์ได้สบาย และใช้ได้ยันลูกบวบลูกแตงโต
ถ้าต้องการเสียมตัวหนัก ราคาไม่แรง ทำงานใหญ่ ๆ ในไร่ในนา ขุดหลุม ทำร่องน้ำ เลือกเสียมเหล็ก 70 ซม. รับรองอยู่กับเราไปอีก 20-30 ปีแน่นอน
แต่ถ้าอยากได้ตัวเบา ใช้งานละเอียด ไม่ต้องดูแลเรื่องสนิม และเน้นความสวยงามแบบญี่ปุ่นตัวจริง เสียมสแตนเลส 20 นิ้วคือคำตอบสุดท้าย
สองตัวนี้ ไม่มีถูกผิด แค่เลือกให้ตรงกับงานและสไตล์ตัวเอง รับรองว่ามีติดบ้านไว้ งานสวนง่ายขึ้นเป็นกองเลย
นิยาย เสียมเล่มนั้นของพ่อ
ลุงชัยยืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพ่อเขาเกิด ใต้ถุนสูงยังวางเสียมเหล็กด้ามยาวเจ็ดสิบเซนติเมตรคันเดิมเอาไว้เหมือนทุกวัน หัวเสียมสีดำสนิทจากการใช้งานมานับสิบปี ขอบใบยังคมอยู่เพราะลุงชัยลับมันทุกเย็นวันพระ ใครผ่านมาก็มักแซวว่า “เสียมลุงชัยนี่แก่กว่าลูกลุงอีก” ลุงชัยก็หัวเราะหอบแล้วตอบกลับว่า “มันเกิดก่อนลูกกูตั้งสามปี ใครจะแก่กว่ากัน”
ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าถ้าจะขุดหลุมฝังศพ ขุดร่องสวน หรือขุดบ่อเลี้ยงปลา ต้องมาหาลุงชัย เพราะเสียมคันนี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง มันเคยขุดเจอโลงศพเก่า เคยขุดพบเหรียญเงินสมัยรัชกาลที่ห้า เคยขุดรากตะเคียนใหญ่จนคนทั้งหมู่บ้านต้องมาช่วยกันลาก แต่ที่ไม่มีใครรู้คือ เสียมคันนี้เคยขุดเจอบางอย่างที่ลุงชัยเก็บเงียบมานานจนเกือบลืม
วันนั้นฝนตกหนักตั้งแต่เช้ามืด ลุงชัยเดินไปที่สวนมะม่วงหลังบ้านตามปกติ หมายจะขุดร่องระบายน้ำไม่ให้มะม่วงจมน้ำตาย เขาเหวี่ยงเสียมลงไปครั้งแรกก็รู้สึกแปลกๆ หัวเสียมกระแทกอะไรบางอย่างแข็งๆ ดังกึกก้อง ไม่ใช่เสียงของหินหรือรากไม้ ลุงชัยคุกเข่าลงใช้มือกวาดโคลนออก เสียมกระทบกล่องเหล็กสนิมเขรียวขนาดเท่าฝ่ามือสองข้างประสานกัน
เขาเปิดดูด้วยมือที่สั่นเทา ข้างในมีสมุดบันทึกเล่มเล็กหนังสือปกแข็งสีน้ำตาลเข้ม และรูปถ่ายขาวดำภาพหนึ่ง รูปนั้นคือพ่อของลุงชัยตอนยังหนุ่ม ยืนคู่กับผู้หญิงสวมกางเกงขากระบอกเสื้อลูกไม้ ยิ้มหวานจนฟันขาววับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของลุงชัย
สมุดบันทึกเล่มนั้นเขียนด้วยลายมือพ่อของเขาเอง ทุกหน้าเล่าเรื่องความรักต้องห้ามในปี พ.ศ. 2491 ระหว่างหนุ่มใหญ่ที่เพิ่งกลับจากสงครามกับหญิงสาวที่ถูกสัญญาแต่งงานไว้ตั้งแต่เกิด ทุกครั้งที่อ่าน ลุงชัยรู้สึกเหมือนมีดแทงใจ พ่อที่เขานับถือตลอดชีวิต ที่สอนเขาว่า “ลูกผู้ชายต้องรักเดียวใจเดียว” กลับเคยมีรักลับที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่แม่
ลุงชัยนั่งอ่านสมุดเล่มนั้นจนฝนหยุดตก เขาตัดสินใจเผามันพร้อมรูปถ่ายทันทีที่กลับถึงบ้าน เปลวไฟลุกแดงฉาน เขายืนมองจนกระดาษม้วนงอเป็นเถ้าถ่าน ลุงชัยบอกตัวเองว่าเรื่องนี้ต้องจบตรงนี้ ไม่มีใครต้องรู้ ไม่มีวัน
แต่สองวันต่อมา ตอนบ่ายแก่ๆ มีรถกระบะสีขาวคันหนึ่งจอดหน้าบ้าน ผู้หญิงวัยเจ็ดสิบต้นๆ ผมหงอกขาวทั้งหัวแต่ยังสวยหยด เดินลงจากรถด้วยไม้เท้าสีดำเงา เธอมองลุงชัยตาไม่กะพริบแล้วพูดเบาๆ ว่า
“เสียมคันนั้น…ยังอยู่ไหม”
ลุงชัยขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาพยายามทำเสียงแข็ง “ใครครับคุณป้า”
เธอยิ้มมุมปาก “ฉันชื่อวิไล ฉันเคยรอผู้ชายคนหนึ่งเมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้ว เขาบอกว่าจะกลับมาเอาฉันไปอยู่ด้วยกันหลังสงคราม แต่เขาไม่เคยกลับมา เขาทิ้งจดหมายไว้ให้ฉันแค่ฉบับเดียว บอกว่าให้ไปหาเสียมเล่มหนึ่งที่บ้านหลังนี้ ถ้าฉันยังอยากเจอเขา”
ลุงชัยรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง เขาพึ่งเผาทุกอย่างไปเมื่อสองวันก่อน ไม่เหลือแม้แต่เถ้า
คุณป้าวิลัยยกมือขึ้น ถือซองจดหมายสีเหลืองเก่าแก่ที่ซีลปิดผนึกมาอย่างดี “เขาเขียนไว้ว่า ถ้าเปิดซองนี้เมื่อไหร่ ให้อ่านพร้อมคนที่ถือเสียมคันนั้น” เธอยื่นซองให้ลุงชัย
ลุงชัยรับมาด้วยมือที่สั่นระริก เปิดออกอ่านด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ถึงลูกชายของผม
ถ้าวันหนึ่งมีผู้หญิงชื่อวิไลมาหา และเอ่ยถึงเสียมเล่มนี้
จงบอกเธอว่า ผมขอโทษที่ไม่กล้าพาเธอหนี
แต่ผมเลือกที่จะรักแม่ของลูกมากกว่า และผมไม่เคยเสียใจเลยสักวัน
ส่วนสมุดกับรูปที่ฝังไว้ใต้ต้นมะม่วง…เผามันซะ อย่าให้ใครเห็น
เพราะรักแท้มีแค่ครั้งเดียว
ส่วนรักที่เป็นเพียงความฝัน ขอให้มันตายพร้อมความทรงจำ
พ่อ”
ลุงชัยอ่านจบแล้วยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตาไหลเป็นสาย เขาคุกเข่าลงตรงหน้าคุณป้าวิลัยแล้วพูดว่า “พ่อผม…ขอโทษแทนพ่อด้วย”
คุณป้าวิลัยยกมือลูบหัวลุงชัยเบาๆ “ไม่ต้องขอโทษหรอกลูก ฉันแค่มาบอกลาความฝันเก่าๆ ที่ค้างคาไว้เท่านั้น” เธอหันกลับไปขึ้นรถ กระบะคันนั้นค่อยๆ ขับออกไป ทิ้งให้ลุงชัยนั่งอยู่ตรงนั้นกับเสียมคันเดิม
เย็นวันนั้น ลุงชัยหยิบเสียมเหล็กยาวเจ็ดสิบเซนติเมตรคันนั้นไปวางไว้ใต้ต้นมะม่วงต้นเดิม เขาขุดหลุมเล็กๆ ข้างโคนต้น แล้วหย่อนบางอย่างลงไป คราวนี้ไม่ใช่สมุดหรือรูปถ่าย แต่เป็นเสียมสแตนเลสญี่ปุ่นด้ามไม้ยาวยี่สิบนิ้วคันใหม่เอี่ยมที่เขาซื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน
เขาพูดเบาๆ กับต้นมะม่วงเหมือนพูดกับพ่อ “พ่อเคยบอกว่าเสียมคันนี้เกิดก่อนลูกตั้งสามปี…งั้นวันนี้ลูกขอให้เสียมคันใหม่เกิดก่อนหลานของลูกบ้าง”
แล้วเขาก็กลบดินทับเสียมสแตนเลสคันนั้นให้มิดชิด
หลายปีต่อมา หลานชายของลุงชัยชื่อน้องต้นกล้า อายุเจ็ดขวบ วิ่งมาเล่าให้ทวดชัยฟังด้วยตาโต “หนูขุดเจอเสียมแปลกๆ ใต้ต้นมะม่วง มันสั้นๆ แล้วไม่เป็นสนิมเลย”
ลุงชัยยิ้มกว้างจนตีนกาย่น แล้วยกเสียมเหล็กคันเก่าขึ้นมาถือข้างๆ กัน
“เออ…นั่นมันเสียมของหลานโดยตรงเลย เก็บไว้ให้ดีนะ วันหนึ่งมันจะเล่าเรื่องของทวดให้หลานฟังเอง”
น้องต้นกล้ายกเสียมสแตนเลสคันนั้นขึ้นเหนือหัวอย่างภูมิใจ ส่วนลุงชัยยกเสียมเหล็กคันเก่าขึ้นคู่กัน
สองเสียม สองยุค สองความหมาย อยู่คู่กันใต้ต้นมะม่วงต้นนั้นตลอดไป

