จอบสองฟัน จอบขุดดินเหล็กหลอมแท้ หนา แข็ง ทนสุดๆ จอบตัวนี้คือจอบสองฟัน (หรือที่บางคนเรียกจอบสองง่าม) ที่ออกแบบมาเพื่อคนชอบขุดดินจริงจัง ไม่ว่าจะขุดดินแข็ง ขุดพื้นที่กร้าง ขุดร่อง ขุดหลุมปลูกต้นไม้ หรือพรวนดินก็ไหวหมด ตัวจอบทำจากเหล็กแมงกานีสหลอมทั้งด้าม หนาๆ แน่นๆ ไม่ใช่เหล็กบางๆ ที่งอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอดินแข็ง
จอบรุ่นนี้ตัวจอบเป็นแบบสองฟันแหลม ปลายแยกออกเป็นสองง่ามชัดเจน ด้านหนึ่งเป็นใบจอบแบนสำหรับตัดดิน ด้านหนึ่งเป็นสองฟันแหลมสำหรับงัดและแทงดินแข็ง ความยาวเหล็กทั้งหมดประมาณ 35-38 ซม. (วัดจากปลายฟันถึงจุดต่อด้ามไม้) น้ำหนักตัวหัวจอบอยู่ที่ราว 1.8-2.2 กก. หนักกำลังดี ไม่เบาจนขุดไม่ออก ไม่หนักจนเมื่อยเร็ว ด้ามไม้ที่แถมมาเป็นไม้เนื้อแข็งยาวประมาณ 120-130 ซม. จับถนัดมือ
ความพิเศษของ จอบสองฟัน เหล็กหลอมแท้
👉 วัสดุเหล็กแมงกานีสแท้ 100%
ใช้เหล็กแมงกานีสสูงที่ผสมแมงกานีสสูงกว่าปกติ ทำให้เนื้อเหล็กเหนียวและแข็งในตัวเดียวกัน ไม่กรอบแตกง่ายเหมือนเหล็กทั่วไป แม้เจอดินหินหรือรากไม้ใหญ่ก็ยังไหว
👉 หลอมขึ้นรูปชิดเดียว ไม่มีรอยเชื่อม
หัวจอบหลอมขึ้นรูปทั้งชิ้นด้วยความร้อนสูง ไม่ใช่เชื่อมทีละส่วน จึงไม่มีจุดอ่อนตรงรอยเชื่อม แรงกระแทกกระจายได้ดี ทนการใช้งานหนักต่อเนื่อง
👉 ความหนาของแผ่นเหล็กมากถึง 5-6 มม.
หนากว่าแบรนด์ทั่วไปเกือบเท่าตัว ทำให้ไม่โค้งงอแม้ขุดดินเหนียวแน่นหรือดินลูกรัง
👉 ปลายฟันแหลมและคมจากโรงงาน
ปลายสองฟันถูกเจียรแหลมคมพร้อมใช้งาน ไม่ต้องลับเพิ่ม งัดหินหรือแทงรากไม้ได้ทันที
👉 ขอบใบจอบด้านข้างตีเป็นสันคม
ช่วยตัดหญ้า ตัดรากไม้เล็กๆ ได้ในจังหวะเดียวกันกับการขุด ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือ
👉 ผิวเคลือบกันสนิมเบื้องต้น
มีการเคลือบสีดำกันสนิมจากโรงงาน ถึงจะไม่กันสนิม 100% แต่ช่วยยืดอายุการเกิดสนิมได้นานกว่าจอบทั่วไป
จุดเด่นของ จอบสองฟัน เหล็กหลอมแท้
สิ่งที่ทำให้คนใช้วงการสวนจริงจังติดใจตัวนี้คือ “ความอึด” ที่แทบไม่มีวันพังปกติ คนที่เคยใช้จอบราคาถูกจะเข้าใจดีว่าพอเจอดินแข็งหรือก้อนหิน จอบมักงอ บิด หรือฟันหัก แต่ตัวนี้แทบไม่มีทาง ด้วยความหนาและกรรมวิธีหลอมแบบพิเศษ ทำให้ทนการกระแทกได้สูงมากๆ หลายคนใช้ขุดดินแดง ขุดดินลูกรังหนักๆ มาหลายปี ตัวจอบยังตรง ไม่บิดเบี้ยวเลย
อีกจุดที่ชอบกันคือน้ำหนักที่สมดุล หนักพอที่จะให้แรงขุดลึกและเร็ว แต่ไม่หนักจนแบกไม่ไหว คนตัวเล็กหรือผู้หญิงก็ใช้ไหวสบายๆ และที่สำคัญคือ “ไม่ต้องลับบ่อย” เพราะเหล็กแมงกานีสคายความคมช้ากว่าปกติ ใช้ไปเป็นเดือนๆ ปลายยังแหลมอยู่
ถ้าต้องการจอบแค่ตัวเดียวที่ใช้ได้นานเป็นสิบปี ขุดดินแข็ง ขุดกร้าง ขุดร่อง งัดหิน ทำได้หมดแบบไม่กลัวพัง จอบสองฟันเหล็กหลอมตัวนี้คือคำตอบสุดท้าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่บ่อยๆ อึด ถึก ทน คุ้มเกินราคาแน่นอน
นิยาย จอบเล่มสุดท้ายของลุงแซม
ลุงแซมอายุเจ็ดสิบต้นๆ ตัวผอมแห้งแต่ไหล่ยังกว้าง ผิวคล้ำเหมือนดินที่เขาเคยขุดมาทั้งชีวิต ทุกเช้าเขาจะเดินออกจากเพิงไม้ไผ่หลังเขา คว้าจอบเก่าๆ ที่ฟันบิ่น ด้ามไม้ผุกร่อน แล้วเดินไปยังผืนดินรกร้างข้างลำห้วยที่ไม่มีใครอยากแตะต้องมานานสิบปี ดินที่นั่นแข็งจนเหมือนปูน รากมะขามเทศเก่าแก่พันกันเป็นตาข่ายหนาเท่าแขน ทุกคนในหมู่บ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดินผืนนั้นตายแล้ว อย่าไปเสียแรงเลยลุง”
แต่ลุงแซมไม่เคยฟัง เขาขุดทุกวัน วันละสามสี่ชั่วโมง จอบหักไปแล้วห้าเล่มในรอบสองปี เล่มล่าสุดเพิ่งงอเป็นรูปตัวแอลเมื่อวานนี้ ลุงโยนมันทิ้งลงข้างกองฟืนอย่างไม่ใยดี แล้วนั่งพิงต้นมะขามข้างเพิง มองดินผืนนั้นด้วยสายตาที่ใครต่อใครก็อ่านไม่ออก
วันนั้นเป็นวันพฤหัส ตลาดนัดประจำหมู่บ้านคึกคักกว่าปกติ มีร้านค้าจากต่างอำเภอมาลงเยอะ ลุงแซมเดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึงมุมตลาดที่คนไม่ค่อยสนใจ มีโต๊ะไม้เก่าๆ วางของมือสองกระจายเต็มไปหมด เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาแปลกๆ ใส่เสื้อลายดอกสีซีด เขายกจอบเล่มหนึ่งขึ้นมาโชว์ลุงโดยไม่พูดอะไร จอบเล่มนั้นดูหนัก ตัวเหล็กสีดำสนิท ฟันแหลมสองข้างเรียวคม ตัวใบหนาราวสองนิ้วมือ ด้ามไม้ยังไม่ได้ติด แต่เหล็กยาวจนถึงอกลุงแซม ชายคนนั้นพูดเบาๆ ว่า “เล่มนี้ไม่เหมือนเล่มไหนที่ลุงเคยใช้ ราคาแค่พันห้า ถ้าลุงไม่ชอบ เอามาคืนได้ภายในเจ็ดวัน”
ลุงแซมมองจอบเล่มนั้นอยู่นาน เขาควักเงินพันห้าที่เก็บไว้จะซื้อปุ๋ยมาจ่ายโดยไม่ต่อราคา ชายคนนั้นยิ้มมุมปาก แล้วหายไปในฝูงคนอย่างรวดเร็ว
เย็นวันนั้น ลุงแซมลากจอบเล่มใหม่กลับเพิง เขาลองตีลงดินเบาๆ แค่ครั้งเดียว ปลายฟันสองข้างจมลงไปในดินแข็งราวกับแทงเข้าเนย เนื้อดินแตกกระจาย ลุงตาโต เขายกขึ้นตีใหม่ แรงกว่าเดิม ครั้งนี้รากมะขามเทศขนาดข้อมือขาดสะบั้นสองท่อน ลุงแซมหัวเราะเสียงดังลั่นครั้งแรกในรอบหลายปี
สามวันต่อมา ผืนดินรกร้างที่เคยเหมือนปูนเริ่มกลายเป็นแปลงนุ่ม ทุกคนในหมู่บ้านพากันมาแอบดู บางคนถึงกับถามว่า “ลุงไปเรียนวิชามาจากไหน” ลุงแซมไม่ตอบ แค่ยกจอบขึ้นโชว์แล้วพูดสั้นๆ ว่า “ของดีมันมีจริง”
จนถึงวันที่เจ็ด ลุงแซมขุดลึกเกือบสองเมตร เขาเจอของแข็งชิ้นใหญ่ จอบกระทบดังกึก เขาค่อยๆ ขุดวนรอบ สิ่งที่โผล่ขึ้นมาทำให้ลุงถึงกับทรุดนั่ง มันคือหีบเหล็กเก่าสนิมเขรอะ ขนาดเท่าถังน้ำมัน ด้านบนมีตัวอักษรจารึกเลือนราง ลุงแซมใช้จอบงัดฝาหีบออก ภายในเต็มไปด้วยเหรียญเงินเก่าและทองคำแท่งเล็กๆ จำนวนมากพอที่จะซื้อทั้งหมู่บ้านได้สามรอบ
ดินผืนที่ทุกคนบอกว่าตายแล้ว ที่แท้ซ่อนสมบัติที่เจ้าของที่ดินรุ่นทวดฝังไว้นานกว่าร้อยปี แต่ไม่มีใครเคยขุดลึกพอจะเจอ เพราะจอบทุกเล่มพังก่อนถึงจุดนั้น
ลุงแซมไม่ตื่นเต้นนาน เขาปิดหีบกลับเหมือนเดิม กลบดินทับ แล้วเดินกลับเพิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย วันรุ่งขึ้นเขานำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มอีกสามแปลง ซื้อรถไถเดินตาม ซื้อเมล็ดพันธุ์ดีๆ แล้วเริ่มทำสวนผลไม้อย่างจริงจัง เงินที่เหลือเขานำไปสร้างโรงเรียนเล็กๆ ให้เด็กจนในหมู่บ้าน แล้วบอกทุกคนว่า “ขุดเจอเงินใต้ดินนิดหน่อย” เท่านั้น
ปีต่อมา สวนของลุงแซัมออกผลดกงาม ทุกคนยกย่องว่าเป็นเศรษฐีใจบุญ จอบเล่มนั้นยังคงอยู่ข้างเพิง ปลายฟันยังแหลมเหมือนวันแรก ไม่มีรอยงอแม้แต่นิดเดียว
จนกระทั่งคืนหนึ่ง มีชายเสื้อลายดอกคนเดิมเดินมาหาลุงแซมที่หน้าบ้าน เขายิ้มเหมือนวันนั้นในตลาด แล้วพูดว่า “ผมมาคืนเงินพันห้าให้ลุงตามสัญญา เพราะลุงใช้จอบครบเจ็ดวันแล้วยังไม่คืน แปลว่าลุงชอบ” ลุงแซมมองหน้าเขาเงียบๆ แล้วถามว่า “นายเป็นใครกันแน่”
ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ แล้วยกจอบเล่มนั้นขึ้นมาจูบที่ใบจอบ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ลุงแซมขนลุกจนถึงท้ายทอย
“ผมคือช่างที่หลอมจอบเล่มนี้ขึ้นมาเมื่อ 80 ปีก่อน ผมฝังสมบัตินั่นไว้เอง แล้วรอคนที่มีจอบเล่มนี้ขุดลึกพอจะเจอ ผมแค่ต้องการคนสานต่อที่ดินผืนนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ลุงผ่านการทดสอบแล้ว… ตอนนี้จอบเล่มนี้เป็นของลุงอย่างสมบูรณ์ ผมจะไม่กลับมาอีก”
พูดจบ ชายคนนั้นก็ค่อยๆ จางหายไปในความมืด เหลือเพียงจอบเล่มนั้นวางอยู่ตรงหน้าลุงแซม หนักแน่นและเย็นเฉียบเหมือนเดิม
ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีใครในหมู่บ้านเคยเห็นชายเสื้อลายดอกคนนั้นอีกเลย มีแต่จอบสองฟันเล่มนั้นที่ยังคงอยู่คู่กับลุงแซมและผืนดินที่เคยตายแล้ว จนวันนี้ลูกหลานลุงแซมยังเล่าให้ฟังว่า “ถ้าใครได้จอบเล่มนั้นไปครอบครอง ชีวิตเขาจะไม่มีวันจนอีกเลย”
แต่ไม่มีใครรู้ว่า จอบเล่มนั้นยังคงรอเจ้าของคนต่อไป ที่กล้าขุดลึกพอ… และใจถึงพอที่จะไม่เก็บสมบัติไว้คนเดียวเหมือนที่ลุงแซมเคยทำ

