วรรณกรรมตั้งคำถามกับโลก 4 เรื่องที่ทำให้คุณต้องทบทวนชีวิต

วรรณกรรมตั้งคำถามกับโลก 4 เรื่องที่ทำให้คุณต้องทบทวนชีวิต

นิยายสุดปัง 4 เล่ม ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของจินตนาการและความหมายลึกซึ้ง  ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

Animal Farm: A Fairy Story การเมืองของสัตว์
นิยายคลาสสิกสุดโด่งดังจากจอร์จ ออร์เวล ที่เล่าเรื่องการเมืองผ่านเหล่าสัตว์ในฟาร์ม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นิทานสัตว์น่ารักนะ แต่แฝงไปด้วยแง่คิดการเมืองสุดเข้มข้น ใครชอบงานที่เสียดสีสังคม ต้องอ่าน

บทสนทนาของสรรพสิ่ง
เล่มนี้พาเราไปสำรวจการสนทนาระหว่างสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ เป็นนิยายที่ผสมผสานปรัชญาและความลึกซึ้ง ราวกับได้ยินเสียงของทุกสรรพสิ่งรอบตัว อ่านแล้วเหมือนได้ปลดล็อกมุมมองใหม่เลยล่ะ

เหลี่ยมกรกฎ
นิยายที่เต็มไปด้วยความลึกลับและปมปริศนา! เรื่องนี้พาคุณไปผจญภัยในโลกที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมของชีวิตและความจริงที่ซ่อนอยู่ อ่านแล้วจะวางไม่ลงแน่นอน

Between: แล้วนกก็โผบิน
ปิดท้ายด้วยนิยายที่เต็มไปด้วยความหวังและอิสรภาพ เรื่องราวของการเดินทางค้นหาตัวเอง เปรียบเหมือนนกที่โบยบินสู่อิสรภาพ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจสุด ๆ

ทั้ง 4 เล่มนี้มีสไตล์ที่แตกต่าง แต่รับรองว่าทุกเล่มจะทำให้คุณหลงรักและได้อะไรกลับไปแน่นอน


4 นิยายที่อ่านแล้วโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากสัตว์ปฏิวัติ ถึงนกที่โผบิน


🙂 หนังสือ Animal Farm A Fairy Story การเมืองของสัตว์

sg 11134201 824hf mfc4r375g3re4f

นิยายที่ทั้งสนุก เข้มข้น และแฝงแง่คิดการเมืองแบบจัดเต็ม ต้องยกให้ Animal Farm: A Fairy Story การเมืองของสัตว์ ผลงานชิ้นเอกของ จอร์จ ออร์เวล ที่เล่าเรื่องราวสุดแยบยลผ่านมุมมองของสัตว์ในฟาร์ม

Animal Farm หรือในชื่อภาษาไทย การเมืองของสัตว์ เป็นนิยายที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) โดย จอร์จ ออร์เวล นักเขียนชาวอังกฤษที่มีฝีมือในการเสียดสีสังคมและการเมืองแบบถึงพริกถึงขิง ฉบับภาษาไทยแปลโดย วิเชียร อติชาตการ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 โดย สำนักพิมพ์ยูนิคอร์น และได้รับการพิมพ์ซ้ำเรื่อยมา พร้อมปรับปรุงคำแปลให้ทันสมัยและคมคายยิ่งขึ้น ตัวเล่มมีทั้งหมด 208 หน้า และจัดอยู่ในเรท G ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ก็อ่านได้

เรื่องราวเริ่มต้นที่ ฟาร์มแมนเนอร์ ซึ่งมี เฒ่าเมเจอร์ หมูอาวุโส เป็นผู้นำทางความคิด ปลุกใจสัตว์ในฟาร์มให้ลุกขึ้นต่อต้าน นายโจนส์ เจ้าของฟาร์มที่เอารัดเอาเปรียบพวกมัน ด้วยความฝันถึงสังคมอุดมคติที่ทุกตัวเท่าเทียมกัน เรื่องราวดำเนินไปด้วยการก่อกบฏของสัตว์ที่นำโดยหมูอย่าง นโปเลียน และ สโนว์บอล แต่เมื่ออำนาจอยู่ในมือ ความเท่าเทียมที่ฝันไว้กลับค่อย ๆ บิดเบี้ยว กลายเป็นการปกครองแบบใหม่ที่อาจเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

นิยายเล่มนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสัตว์น่ารัก ๆ แต่เป็นการเสียดสีการเมือง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสหภาพโซเวียต แฝงไปด้วยแง่คิดที่ลึกซึ้งและสอนให้เราตั้งคำถามถึงอำนาจและความยุติธรรมในสังคม ฉบับภาษาไทยยังมาพร้อม ประวัติผู้เขียน และ บทวิเคราะห์ ที่ช่วยให้เข้าใจบริบทและความหมายของเรื่องได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ความพิเศษ ของ Animal Farm การเมืองของสัตว์

👉 เนื้อหาคลาสสิก เข้าใจง่าย เหมาะกับทุกวัย
เนื้อเรื่องถูกเขียนในรูปแบบนิทานสัตว์ (fable) ทำให้อ่านง่ายและสนุก แม้จะพูดถึงประเด็นหนัก ๆ อย่างการเมืองและอำนาจ แต่ภาษาที่ใช้ไม่ซับซ้อน เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี แถมยังแฝงบทเรียนที่ให้ข้อคิดไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่

👉 คำแปลคุณภาพ ปรับปรุงทันสมัย
การแปลของ วิเชียร อติชาตการ ขึ้นชื่อเรื่องความลื่นไหลและคงอรรถรสของต้นฉบับ ฉบับล่าสุดได้รับการปรับปรุงให้ภาษาทันสมัย เข้าใจง่าย แต่ยังคงความคมคายของการเสียดสีเอาไว้ครบถ้วน

👉 จำนวนหน้าพอเหมาะ อ่านจบได้ไว
ด้วยจำนวน 208 หน้า ทำให้เล่มนี้ไม่หนาเกินไป อ่านจบได้ใน 1-2 วันสำหรับนักอ่านทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่อยากได้นิยายที่กระชับแต่ครบรส

👉 เสริมด้วยประวัติและบทวิเคราะห์
ฉบับนี้พิเศษตรงที่มีข้อมูลเพิ่มเติมทั้งประวัติของ จอร์จ ออร์เวล และบทวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทการเมืองและประวัติศาสตร์ที่หนังสือเล่มนี้พูดถึง โดยเฉพาะการอ้างอิงถึงสหภาพโซเวียตและการปกครองแบบเผด็จการ

👉 เรท G เข้าถึงทุกกลุ่มผู้อ่านจัดอยู่ในหมวดที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่มีเนื้อหาที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ทำให้สามารถใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน หรืออ่านเพื่อความบันเทิงได้อย่างสบายใจ

จุดเด่นของ Animal Farm การเมืองของสัตว์

นิยายเล่มนี้ยังมีจุดเด่นที่ทำให้มันยืนหยัดเป็นวรรณกรรมระดับโลกมากว่า 70 ปี

✔ การเสียดสีที่แหลมคมและเหนือกาลเวลา
ออร์เวลใช้สัตว์เป็นตัวละครเพื่อสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ในระบบการเมือง โดยเฉพาะการที่อุดมการณ์ดี ๆ ถูกบิดเบี้ยวด้วยอำนาจและความโลภ เรื่องนี้ไม่เคยล้าสมัย เพราะมันพูดถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังคงเห็นได้ในสังคมทุกยุค

✔ ตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ทรงพลัง
ตัวละครอย่าง นโปเลียน (ตัวแทนผู้นำเผด็จการ) หรือ สโนว์บอล (นักอุดมคติ) ไม่ใช่แค่สัตว์ในฟาร์ม แต่เป็นภาพสะท้อนของบุคคลในประวัติศาสตร์และสังคมจริง ๆ ทำให้ผู้อ่านสามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในโลกได้อย่างน่าทึ่ง

✔ พล็อตที่ชวนติดตามและกระตุ้นความคิด
เรื่องราวเริ่มจากความหวังของการปฏิวัติ สู่ความขัดแย้งและการทรยศหักหลัง ทำให้ผู้อ่านลุ้นตามและต้องฉุกคิดว่าสังคมที่เท่าเทียมกันจริง ๆ เป็นไปได้หรือไม่ การเล่าเรื่องที่ทั้งสนุกและท้าทายความคิดนี้คือจุดแข็งที่หาได้ยาก

✔ ชื่อเสียงระดับโลกและการยอมรับในวงการวรรณกรรม
Animal Farm ได้รับการแปลไปมากกว่า 70 ภาษา และถูกใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนทั่วโลก ความนิยมและการยอมรับนี้ยืนยันถึงคุณค่าของมันในฐานะงานวรรณกรรมที่ทั้งบันเทิงและให้ความรู้

✔ สะท้อนประเด็นสากลที่ยังคงร่วมสมัย
ไม่ว่าจะเป็นการเมือง อำนาจ หรือความเหลื่อมล้ำ เรื่องราวใน Animal Farm ยังคงสะท้อนปัญหาที่เห็นได้ในสังคมปัจจุบัน ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่นิยาย แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจโลกและตั้งคำถามต่อสิ่งรอบตัว

Animal Farm การเมืองของสัตว์ เป็นกระจกที่สะท้อนความจริงของสังคมและมนุษย์ ด้วยการเล่าเรื่องที่ทั้งสนุก เข้าใจง่าย และชวนคิด หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากได้ทั้งความบันเทิงและแง่คิดลึกซึ้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักอ่านหน้าใหม่หรือแฟนวรรณกรรมตัวยง เล่มนี้จะทำให้คุณหลงรักและอยากหยิบมาอ่านซ้ำแน่นอน ถ้าพร้อมจะดำดิ่งสู่โลกของฟาร์มแมนเนอร์และการเมืองของสัตว์แล้ว ลองไปหามาอ่านกันดู รับรองไม่ผิดหวัง

หนังสือ Animal Farm A Fairy Story การเมืองของสัตว์ร้านแนะนำ

หนังสือ Animal Farm A Fairy Story การเมืองของสัตว์ร้านแนะนำ 2


🙂 หนังสือ บทสนทนาของสรรพสิ่ง

sg 11134201 824hf mfc5w5kz40svb8

หนังสือที่ทั้งน่ารัก อ่านง่าย และเติมพลังบวกให้ชีวิต ต้องไม่พลาด บทสนทนาของสรรพสิ่ง ผลงานจาก คิ้วต่ำ ที่มาในสไตล์ไม่เหมือนใคร

บทสนทนาของสรรพสิ่ง คือหนังสือจาก คิ้วต่ำ นักเขียนและช่างภาพที่มีสไตล์เฉพาะตัว จัดพิมพ์โดย ฟีก้า สนพ. ตัวเล่มหนา 240 หน้า และจัดอยู่ในเรท G ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ อ่านได้หมด หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่นิยายทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่าง ภาพถ่ายจากกล้องฟิล์ม และ บทสนทนาจินตนาการ ที่ชวนให้ยิ้มและรู้สึกดี

คอนเซปต์ของเล่มนี้เริ่มจากคำถามสุดน่ารักว่า “ถ้าทุกอย่างบนโลกนี้คุยกันได้ พวกเขาจะคุยอะไรกัน?” คิ้วต่ำหยิบภาพถ่ายที่เก็บจากระหว่างการเดินทาง มาจับคู่กับบทสนทนาของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ท้องฟ้า หรือของธรรมดา ๆ รอบตัว ทุกอย่างถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองที่เต็มไปด้วยจินตนาการ โดยแบ่งเนื้อหาตามโทนสี 6 สี (ฟ้า ดำ เหลือง เขียว แดง ขาว) แต่ละสีจะพาคุณไปสัมผัสอารมณ์และเรื่องราวที่แตกต่างกัน

เนื้อหาในเล่มเป็นบทความสั้น ๆ และข้อความที่เหมือนความในใจของสรรพสิ่งต่าง ๆ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนสนิทที่คอยให้กำลังใจ เปลี่ยนน้ำตาเป็นรอยยิ้ม เปลี่ยนคำถามเป็นคำตอบ และทำให้ทุกครั้งที่หยิบเล่มนี้อ่านกลายเป็นช่วงเวลาที่ใจฟู

ความพิเศษของ บทสนทนาของสรรพสิ่ง

👉 ผสมผสานภาพถ่ายและข้อความอย่างลงตัว
เล่มนี้ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ แต่มาพร้อมภาพถ่ายจากกล้องฟิล์มที่คิ้วต่ำถ่ายเอง ภาพแต่ละใบเต็มไปด้วยความรู้สึกและเรื่องราว เมื่อจับคู่กับบทสนทนาจินตนาการ ทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปพร้อมกับผู้เขียน

👉 แบ่งเนื้อหาตามโทนสี 6 สี
เนื้อหาถูกจัดเรียงตามโทนสี (ฟ้า ดำ เหลือง เขียว แดง ขาว) ซึ่งแต่ละสีมีอารมณ์และมุมมองที่แตกต่างกัน ช่วยให้การอ่านไม่น่าเบื่อและเหมือนได้สำรวจโลกในมุมใหม่ ๆ

👉 จำนวนหน้าพอเหมาะ อ่านง่าย
ด้วยจำนวน 240 หน้า และการแบ่งเป็นบทสั้น ๆ ทำให้อ่านได้เพลิน ๆ ไม่หนักเกินไป เหมาะสำหรับคนที่อยากอ่านอะไรเบา ๆ แต่ได้แง่คิดดี ๆ กลับไป

👉 เรท G เหมาะกับทุกวัย
เนื้อหาในเล่มเน้นความอบอุ่นและพลังบวก ไม่มีอะไรที่รุนแรงหรือซับซ้อนเกินไป ทำให้เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่ก็เพลิน เหมาะเป็นของขวัญให้คนทุกวัย

👉 ดีไซน์เล่มสวยงาม น่าสะสม
สำนักพิมพ์ฟีก้าขึ้นชื่อเรื่องงานออกแบบ ตัวเล่มนี้จึงมีทั้งภาพถ่ายที่สวยและการจัดวางที่ดูเพลินตา อ่านแล้วอยากเก็บไว้เป็นคอลเลกชันบนชั้นหนังสือ

จุดเด่นของ บทสนทนาของสรรพสิ่ง

✔ จินตนาการที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
การให้ “สรรพสิ่ง” มีชีวิตและพูดคุยกันเป็นไอเดียที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ต้นไม้ที่คุยกันถึงสายลม ไปจนถึงก้อนเมฆที่แซวกันเอง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้มองโลกในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

✔ เติมพลังบวกและรอยยิ้มให้ผู้อ่าน
ทุกบทสนทนาในเล่มถูกเขียนมาเพื่อให้กำลังใจและสร้างความรู้สึกดี ๆ ไม่ว่าจะวันที่เหนื่อยหรือท้อ อ่านเล่มนี้แล้วเหมือนได้ชาร์จพลังใจให้เต็มเปี่ยม

✔ สะท้อนความงามของสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิต
คิ้วต่ำชวนให้เราเห็นความพิเศษในสิ่งธรรมดา ๆ รอบตัว เช่น แสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ หรือสายลมที่พัดผ่าน ทำให้เราชื่นชมโลกและชีวิตประจำวันมากขึ้น

✔ เหมาะกับการอ่านซ้ำเพื่อเติมแรงบันดาลใจ
ด้วยบทสั้น ๆ และเนื้อหาที่หลากหลาย เล่มนี้เหมาะจะหยิบมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการแรงบันดาลใจหรืออยากผ่อนคลาย อ่านครั้งไหนก็ได้ความรู้สึกดี ๆ กลับไป

✔ เป็นมากกว่าหนังสือ แต่เหมือนเพื่อนสนิท
การเล่าเรื่องที่เหมือนความในใจของสรรพสิ่ง ทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนที่คอยคุยด้วย คอยให้กำลังใจ และช่วยให้มองเห็นความสวยงามในวันที่ชีวิตดูจืดชืด

บทสนทนาของสรรพสิ่ง คือหนังสือที่เหมือนกล่องของขวัญเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม ด้วยภาพถ่ายสวย ๆ และบทสนทนาที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เล่มนี้จะพาคุณไปพบกับมุมมองใหม่ ๆ ที่ทำให้โลกนี้ดูน่ารักขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเบา ๆ หรือกำลังมองหาอะไรที่ช่วยเติมพลังใจ เล่มนี้ตอบโจทย์แน่นอน ลองหยิบมาอ่านสักครั้ง แล้วปล่อยให้สรรพสิ่งรอบตัวชวนคุณยิ้มไปด้วยกัน

หนังสือ บทสนทนาของสรรพสิ่งร้านแนะนำ

หนังสือ บทสนทนาของสรรพสิ่งร้านแนะนำ 2


🙂 หนังสือ เหลี่ยมกรกฎ

6000063253 front XXL

ถ้าคุณเป็นแฟนนิยายที่เต็มไปด้วยดราม่า ความลึกลับ และการล้างแค้นสุดเข้มข้น ต้องไม่พลาด เหลี่ยมกรกฎ ผลงานจากนักเขียน ส่องแสงตะวันฉาย ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่เรื่องราวของชายหนุ่มผู้แบกความเจ็บปวดและคำถามที่รอคำตอบ

เหลี่ยมกรกฎ เป็นนิยายจาก ส่องแสงตะวันฉาย จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ทอปัด ตัวเล่มหนา 426 หน้า เหมาะสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวเข้มข้นและมีชั้นเชิง เรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของ สิงขร หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า คอร์ดเนอร์ ชายหนุ่มที่เติบโตในต่างแดนพร้อมมารดา หลังจากที่ครอบครัวต้องแตกสลายเพราะโศกนาฏกรรมอันโหดร้าย บิดาของเขาถูกฆ่าตายอย่างทารุณ บ้านที่เคยอยู่อาศัยถูกเผาวอด และความแค้นที่ฝังลึกในใจกลายเป็นแรงผลักดันให้เขากลับมาที่บ้านเกิดเพื่อค้นหาความจริงและชำระแค้น

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อสิงขรตัดสินใจสมัครเป็นนายทหารหนุ่มที่ไม่กลัวตาย เพราะเขาจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยปริศนาและอันตราย เขาจะต้องเผชิญหน้ากับทั้งมิตรและศัตรูที่แยกแยะได้ยาก ความแค้นที่ฝังอยู่ในใจจะนำเขาไปสู่จุดจบแบบไหน? จะลงเอยด้วยเลือดหรือผลแห่งกรรม? นิยายเล่มนี้จะพาคุณไปลุ้นระทึกและค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน

ความพิเศษของ เหลี่ยมกรกฎ

มาดูกันว่านิยายเล่มนี้มีอะไรที่ทำให้มันน่าสนใจและเหมาะกับคอนิยายดราม่าล้างแค้น

👉 จำนวนหน้าจุใจ อัดแน่นด้วยเนื้อหา
ด้วยจำนวน 426 หน้า เล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบนิยายยาว ๆ ที่มีรายละเอียดเยอะ เนื้อหาครบรสทั้งดราม่า แอ็กชัน และปริศนา อ่านแล้วรู้สึกคุ้มเวลาแน่นอน

👉 เนื้อหาเข้มข้น ผสมผสานหลายแนว
เรื่องราวผสมผสานทั้งดราม่าครอบครัว การล้างแค้น ความลึกลับ และฉากแอ็กชันในฐานะนายทหาร ทำให้อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ มีทั้งความตื่นเต้นและความลึกซึ้งทางอารมณ์

👉 ตัวเอกที่มีมิติและพัฒนาการ
สิงขร/คอร์ดเนอร์ เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน ทั้งความแค้น ความสูญเสีย และความมุ่งมั่น ทำให้ผู้อ่านรู้สึกผูกพันและอยากติดตามการเติบโตของเขา

👉 การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม
โครงเรื่องถูกออกแบบให้มีปมปริศนาที่ค่อย ๆ คลายออกทีละนิด ทำให้ผู้อ่านอยากรู้ว่าเรื่องราวจะไปต่อยังไง และความจริงที่ซ่อนอยู่คืออะไร

👉 งานเขียนจากสำนักพิมพ์คุณภาพ
สำนักพิมพ์ทอปัดขึ้นชื่อเรื่องการคัดสรรนิยายที่มีคุณภาพ ตัวเล่มจึงมีการออกแบบและการพิมพ์ที่สวยงาม น่าถืออ่านและเก็บสะสม

จุดเด่นของ เหลี่ยมกรกฎ

✔ การถ่ายทอดอารมณ์ความแค้นที่สมจริง
เรื่องนี้ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความแค้นของสิงขรได้อย่างถึงใจ ผู้อ่านจะรู้สึกถึงไฟในใจของตัวละครที่พร้อมจะเผาทุกอย่างเพื่อความยุติธรรม ทำให้เรื่องราวมีพลังและชวนให้อิน

✔ ปริศนาที่ชวนสงสัยและคาดเดา
การที่ตัวเอกต้องแยกแยะมิตรและศัตรูในถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยความระแวงและปมปริศนาที่ชวนให้ผู้อ่านลุ้นว่าใครคือคนดี ใครคือคนร้าย และความจริงคืออะไร

✔ ฉากแอ็กชันที่ตื่นเต้นเร้าใจ
ในฐานะนายทหาร สิงขรต้องเผชิญสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย ฉากแอ็กชันในเรื่องถูกเขียนให้สมจริงและน่าตื่นเต้น ทำให้คนที่ชอบความลุ้นระทึกต้องถูกใจ

✔ สำรวจประเด็นลึกซึ้งของครอบครัวและความสูญเสีย
นอกจากเรื่องล้างแค้น นิยายยังพูดถึงผลกระทบของโศกนาฏกรรมที่มีต่อครอบครัว และการที่ตัวเอกต้องต่อสู้กับความทรงจำอันเจ็บปวด ทำให้เรื่องนี้มีมิติที่ลึกซึ้งและสะท้อนใจ

✔ ตอนจบที่ทิ้งคำถามถึงความยุติธรรม
เรื่องราวชวนให้ผู้อ่านตั้งคำถามว่า การล้างแค้นจะนำไปสู่ความสุขหรือความสูญเสียมากขึ้น? ความยุติธรรมที่ตัวเอกแสวงหาจะลงเอยด้วยวิธีไหน? ทำให้เล่มนี้ไม่ใช่แค่นิยาย แต่เป็นเรื่องราวที่กระตุ้นความคิด

เหลี่ยมกรกฎ คือมหากาพย์แห่งความแค้นและการค้นหาความจริงที่ทั้งเข้มข้นและน่าติดตาม ด้วยเรื่องราวที่ผสมผสานดราม่า แอ็กชัน และปริศนาได้อย่างลงตัว นิยายเล่มนี้จะพาคุณไปสัมผัสการเดินทางของชายหนุ่มที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ไม่ว่าคุณจะเป็นคอนิยายล้างแค้นหรือชอบเรื่องราวที่มีมิติลึกซึ้ง เล่มนี้จะทำให้คุณวางไม่ลงแน่นอน ลองหยิบมาอ่าน แล้วไปลุ้นกันว่า สิงขร จะพบคำตอบที่เขาตามหาหรือไม่

หนังสือ เหลี่ยมกรกฎร้านแนะนำ


🙂 หนังสือ Between แล้วนกก็โผบิน

6000063252 front XXL

นิยายที่ผสมผสานความรักหวาน ๆ กับองค์ประกอบแฟนตาซีสุดเซอร์ไพรส์ ต้องยกให้ Between: แล้วนกก็โผบิน ผลงานจาก ปีกไม้หอม ที่จะพาคุณไปพบกับเรื่องราวของความรักที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวและท้าทายให้พิสูจน์ด้วยชีวิต

Between: แล้วนกก็โผบิน คือผลงานนิยายจาก ปีกไม้หอม นักเขียนที่ถนัดเรื่องโรแมนติกผสมแฟนตาซี จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ซีเอ็ดยูเคชั่น/se-ed ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ชื่อดังด้านหนังสือคุณภาพ ตัวเล่มมีจำนวน 188 หน้า ทำให้อ่านได้เพลิน ๆ ไม่หนักเกินไป เหมาะสำหรับคนที่อยากได้นิยายที่ทั้งโรแมนติกและมีพล็อตเซอร์ไพรส์

เรื่องราวเล่าถึง ตฤณ หนุ่มนักเขียนฝึกหัดที่พบกับ มล สาวนักเขียนอนาคตไกลในสภานักเขียนโดยบังเอิญ มันคือความรักแบบ “Love at first sight” สำหรับตฤณ แต่การพิชิตหัวใจของมลที่รักอิสระสุด ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เธอจะสนิทสนมกับเขาคนเดียว เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แต่ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ท้าทายให้ตฤณต้องพิสูจน์รักด้วยชีวิต! เขาต้องฝ่าฝืนคำสั่งจาก มาเทอร์ ผู้ดูแลมวลมนุษยชาติทั้งจักรวาล เพื่อปฏิบัติการ “ตั๋วเที่ยวเดียว” ไปช่วยมลที่พลัดหลงอยู่กลางดาวเคราะห์นิรนามอันไกลโพ้น

นิยายเล่มนี้สำรวจธีมความรักที่มาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัวและจากไปในเวลาที่ทำใจไม่ได้ ผสมผสานระหว่างโลกจริงกับจักรวาลแฟนตาซี ทำให้เรื่องราวทั้งหวาน ลุ้น และชวนคิดถึงความหมายของอิสรภาพและการเสียสละในความรัก บทสรุปของ “เขาและเธอ” จะเป็นยังไง? ต้องไปติดตามกันในเล่มนี้เลย

ความพิเศษของ Between: แล้วนกก็โผบิน

มาดูกันว่านิยายเล่มนี้มีอะไรที่ทำให้มันเข้าถึงง่ายและน่าอ่านสำหรับแฟนโรแมนติก

👉 จำนวนหน้าสั้นกระชับ อ่านจบได้ไว
ด้วย 188 หน้า เล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้นิยายที่ไม่ยาวเกินไป อ่านจบใน 1-2 วัน แต่ยังครบรสทั้งโรแมนติกและแฟนตาซี ไม่รู้สึกยืดเยื้อ

👉 เนื้อหาผสมผสานโรแมนติกกับแฟนตาซีเบา ๆ
เรื่องราวเริ่มจากความรักในโลกจริง ก่อนพุ่งเข้าสู่จักรวาลแฟนตาซีด้วยองค์ประกอบอย่าง “มาเทอร์” และดาวเคราะห์นิรนาม ทำให้มีทั้งความหวานของการพบกันและความตื่นเต้นของการผจญภัย

👉 ตัวละครหลักที่มีเสน่ห์และพัฒนาการชัดเจน
ตฤณเป็นหนุ่มธรรมดาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในรัก ส่วนมลคือสาวอิสระที่ทั้งลึกลับและน่าค้นหา การโต้ตอบระหว่างทั้งคู่ถูกเขียนให้รู้สึกจริงและน่าติดตาม

👉 สำนักพิมพ์คุณภาพ การผลิตมาตรฐาน
ซีเอ็ดยูเคชั่นขึ้นชื่อเรื่องการพิมพ์ที่คมชัดและปกสวย ตัวเล่มจึงมีคุณภาพดี น่าเก็บสะสม และอ่านสบายตา เหมาะสำหรับนักอ่านที่ใส่ใจรายละเอียด

👉 ธีมหลักที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
เล่มนี้สำรวจความรักที่ “มาไม่ทันตั้งตัวและจากไปแบบทำใจไม่ได้” ผ่านมุมมองของตัวละคร ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบเรื่องราวที่ทั้งบันเทิงและให้แง่คิดเบา ๆ

จุดเด่นของ Between แล้วนกก็โผบิน

✔ พล็อตเซอร์ไพรส์ที่ท้าทายขอบเขตความรัก
จากความสัมพันธ์คลุมเครือในโลกจริง สู่การผจญภัยข้ามดาวเคราะห์เพื่อช่วยคนรัก ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่โรแมนติกธรรมดา แต่มีจุดหักเหที่ชวนลุ้นและเซอร์ไพรส์ตลอด

✔ การถ่ายทอดอารมณ์อิสระและการเสียสละ
มลที่รักอิสระยิ่งกว่าสิ่งใด สะท้อนถึงความขัดแย้งในใจของคนที่กลัวการผูกมัด ขณะที่ตฤณต้องพิสูจน์รักด้วยการฝ่าฝืนกฎจักรวาล ทำให้ผู้อ่านได้ไตร่ตรองถึงความหมายของการรักที่แท้จริง

✔ บรรยากาศแฟนตาซีที่ชวนฝันและโรแมนติก
ภาพของดาวเคราะห์นิรนามและการโผบินของนกเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงาม ช่วยสร้างโลกที่ทั้งมหัศจรรย์และโรแมนติก ชวนให้ผู้อ่านจินตนาการไปกับการเดินทางของตัวละคร

✔ บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและน่าจดจำ
การคุยกันระหว่างตฤณและมลเต็มไปด้วยความสนิทสนมแบบเพื่อนที่แฝงรัก ทำให้รู้สึกอบอุ่นและจริงใจ บทสนทนาเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเรื่องและเผยบุคลิกตัวละครได้ดี

✔ ตอนจบที่ให้ความหวังและเปิดกว้างนิยายปิดด้วยบทสรุปที่ทั้งซึ้งและชวนคิด ไม่ลงเอยแบบคาดเดา ทำให้ผู้อ่านได้แรงบันดาลใจจากธีม “แล้วนกก็โผบิน” ที่สื่อถึงอิสรภาพในความรัก

Between: แล้วนกก็โผบิน คือเรื่องราวความรักที่ทั้งหวาน ลุ้น และเต็มไปด้วยเวทมนตร์แฟนตาซี ด้วยพล็อตที่ชวนฝันและตัวละครที่น่าหลงรัก นิยายเล่มนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าความรักที่แท้จริงต้องแลกด้วยอะไรบ้าง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายโรแมนติกหรือชอบเรื่องแฟนตาซีเบา ๆ เล่มนี้จะทำให้หัวใจคุณโผบินไปกับนกตัวนั้นแน่นอน ลองหยิบมาอ่าน แล้วปล่อยให้รักพาคุณทะยานสู่ดวงดาว

หนังสือ Between แล้วนกก็โผบินร้านแนะนำ


นิยาย ลานแห่งแสง

262962959
…ลานแห่งแสง

ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาคดเคี้ยว ชื่อว่าแสงตะวัน มีตำนานเล่าขานถึง “ลานแห่งแสง” สถานที่ที่ว่ากันว่าเป็นจุดกำเนิดของแสงสว่างในโลกนี้ ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง ลานแห่งนี้จะสว่างไสวด้วยแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวร่วงหล่นลงมา ผู้คนในหมู่บ้านเชื่อว่าแสงนั้นมาจากพลังของ “สรรพสิ่ง” ที่พูดคุยกันผ่านสายลมและใบไม้ และใครก็ตามที่ได้ยืนในลานแห่งแสงจะได้รับคำตอบจากคำถามที่ฝังลึกในใจ

สิงขร ชายหนุ่มที่เติบโตในเมืองใหญ่ เดินทางกลับมาที่แสงตะวันด้วยความเจ็บปวดฝังลึก พ่อของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเมื่อสิบปีก่อน บ้านถูกเผาวอด และมารดาของเขาพาเขาหนีไปเริ่มต้นใหม่ในต่างแดน แต่ความทรงจำอันขมขื่นไม่เคยจางหาย สิงขรได้ยินเรื่องเล่าของลานแห่งแสงจากจดหมายเก่าของพ่อที่เขาค้นพบ มันบอกเล่าถึงพลังของลานที่สามารถเปิดเผยความจริงได้ เขาจึงตัดสินใจกลับมาเพื่อค้นหาคำตอบว่าใครคือคนที่ทำลายครอบครัวของเขา

เมื่อมาถึงหมู่บ้าน สิงขรได้พบกับมล สาวนักเขียนที่อาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ข้างลานแห่งแสง เธอมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความลึกลับและรอยยิ้มที่เหมือนรู้บางอย่างที่เขาไม่รู้ มลเล่าให้เขาฟังถึงตำนานของลานแห่งแสง และบอกว่า “สรรพสิ่ง” ในหมู่บ้านนี้พูดคุยกันในยามค่ำคืน เธอชวนเขานั่งฟังเสียงของต้นไม้และสายลมที่เหมือนจะกระซิบถึงเรื่องราวในอดีต สิงขรรู้สึกถึงความหวัง แต่ในใจเขายังเต็มไปด้วยความแค้น เขาสงสัยว่าใครในหมู่บ้านนี้คือมิตร และใครคือศัตรู

คืนแรกที่สิงขรยืนอยู่ในลานแห่งแสง เขาได้ยินเสียงกระซิบจากสรรพสิ่ง บอกเล่าถึงชายสวมหน้ากากที่จุดไฟเผาบ้านของเขาเมื่อสิบปีก่อน สิงขรเริ่มสืบหาความจริง เขาค้นพบว่าในหมู่บ้านมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้พิทักษ์แสง” ซึ่งปกป้องความลับของลานแห่งแสงอย่างสุดชีวิต เขาเริ่มสงสัยว่าพวกเขาอาจเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อ มลเตือนเขาว่าการขุดคุ้ยอดีตอาจนำมาซึ่งอันตราย แต่สิงขรไม่ยอมหยุด เขาสมัครเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์เพื่อเข้าใกล้ความจริง

วันเวลาผ่านไป สิงขรและมลเริ่มสนิทกันมากขึ้น เธอเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอให้เขาฟัง เรื่องความฝันที่อยากเป็นนักเขียนชื่อดัง และความรักที่เธอเคยมีแต่ต้องสูญเสียไปเพราะความเข้าใจผิด มลกลายเป็นแสงสว่างในใจของสิงขร แต่เขายังคงถูกครอบงำด้วยความแค้น ทุกคืน เขายืนในลานแห่งแสง ฟังเสียงกระซิบที่ค่อยๆ เผยว่า ผู้ที่ฆ่าพ่อของเขาคือคนที่ใกล้ชิดที่สุดในหมู่บ้าน หัวใจของสิงขรเต้นแรงเมื่อสรรพสิ่งเอ่ยชื่อว่า “ตฤณ” ชายที่ทุกคนในหมู่บ้านเคารพในฐานะผู้นำของผู้พิทักษ์แสง

สิงขรเริ่มตามรอยตฤณ เขาค้นพบว่าตฤณมีอดีตที่มืดมิด เคยเป็นนายทหารที่ถูกขับไล่ออกจากกองทัพเพราะข้อหาทรยศ หลักฐานทุกอย่างชี้ว่าตฤณคือคนที่เผาบ้านของเขา สิงขรเตรียมตัวเผชิญหน้ากับตฤณในคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปที่ลานแห่งแสง เขาวางแผนจะใช้มีดที่ซ่อนไว้ชำระแค้นให้พ่อของเขา มลพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาทบทวน เธอบอกว่าลานแห่งแสงไม่เคยโกหก แต่บางครั้งความจริงอาจซับซ้อนเกินกว่าที่ใจจะยอมรับ สิงขรไม่ฟัง เขาเชื่อว่าความยุติธรรมต้องจบลงด้วยเลือด

ในคืนที่ลานแห่งแสงสว่างไสวที่สุด สิงขรเผชิญหน้ากับตฤณท่ามกลางแสงระยิบระยับ เขายกมีดขึ้นพร้อมตะโกนถามถึงเหตุผลที่ตฤณฆ่าพ่อของเขา ตฤณมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า เขาเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยฆ่าใครในหมู่บ้านนี้” และเล่าความจริงที่น่าตกใจ พ่อของสิงขรไม่เคยตาย เขาคือคนที่จุดไฟเผาบ้านตัวเองเพื่อปกป้องความลับของลานแห่งแสงจากกลุ่มคนนอกที่ต้องการยึดพลังของมัน พ่อของสิงขรปลอมตัวเป็นตฤณและใช้ชีวิตในหมู่บ้านเพื่อปกป้องทุกคน รวมถึงสิงขรและมารดาที่ถูกส่งไปยังเมืองไกลเพื่อความปลอดภัย

สิงขรไม่อยากเชื่อ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง ความแค้นที่เขาฝังไว้กลายเป็นความเข้าใจผิด เขาทิ้งมีดลงและทรุดตัวลงในลานแห่งแสง มลก้าวเข้ามากอดเขาไว้ เธอบอกว่า “สรรพสิ่งบอกความจริงเสมอ แต่หัวใจของเราต่างหากที่เลือกจะฟังอะไร” ในขณะนั้น แสงจากลานเริ่มจางลง และสิงขรเห็นภาพของพ่อในชุดของตฤณยืนยิ้มให้เขา ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นฝุ่นผงและลอยไปกับสายลม

สิงขรตัดสินใจอยู่ต่อในหมู่บ้านแสงตะวัน เขาเริ่มเขียนเรื่องราวของลานแห่งแสงร่วมกับมล เพื่อบอกเล่าถึงพลังของการให้อภัยและการยอมรับความจริง ความรักของเขากับมลค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางแสงสว่างของหมู่บ้าน และลานแห่งแสงก็ยังคงส่องสว่างในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง ราวกับรอคอยผู้คนที่หลงทางให้กลับมาค้นพบคำตอบในใจของตัวเอง

ในตอนท้าย สิงขรยืนอยู่ที่ลานแห่งแสงเพียงลำพัง เขาถามสรรพสิ่งว่า “ทำไมพ่อถึงเลือกเส้นทางนี้?” เสียงกระซิบจากสายลมตอบว่า “เพราะแสงที่แท้จริงคือการปกป้องคนที่รัก แม้ต้องแลกด้วยทุกสิ่ง” สิงขรยิ้ม และในขณะนั้น เขาเห็นนกตัวเล็กบินออกจากลานแห่งแสง มุ่งหน้าสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

แต่แล้ว ในวินาทีที่ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยความสงบ เสียงกระซิบจากสรรพสิ่งดังขึ้นอีกครั้ง “ระวัง…แสงที่สว่างที่สุดอาจซ่อนความมืดไว้ภายใน” สิงขรหันกลับมามองลานแห่งแสง และพบว่ามลหายไปจากข้างกายเขา ในมือของเขามีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือของเธอ ระบุว่า “ข้าคือผู้พิทักษ์ตัวจริง และความจริงที่แท้ของลานแห่งแสงต้องถูกปกป้องจากเจ้า” สิงขรยืนนิ่ง มองแสงที่เริ่มสั่นไหวราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขา และตระหนักว่า การเดินทางของเขายังไม่จบลง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ลานแห่งแสง จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวของการค้นหาความจริง แต่เป็นการเดินทางของหัวใจที่ต้องเผชิญกับคำถามว่า แสงที่เราตามหานั้นเป็นของจริง หรือเพียงภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นเอง?


ทั้ง Animal Farm: การเมืองของสัตว์, บทสนทนาของสรรพสิ่ง, เหลี่ยมกรกฎ, และ Between: แล้วนกก็โผบิน คือ 4 นิยายที่มาพร้อมสไตล์และรสชาติที่แตกต่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพลังในการชวนคุณดำดิ่งสู่เรื่องราวที่ทั้งสนุกและเต็มไปด้วยแง่คิด ไม่ว่าคุณจะชอบเสียดสีการเมืองแบบคม ๆ อ่านเพลินไปกับบทสนทนาน่ารัก ๆ ลุ้นระทึกไปกับการล้างแค้น หรือหลงใหลในความรักผสมแฟนตาซี ทั้ง 4 เล่มนี้พร้อมมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร อย่ารอช้า ลองหยิบเล่มที่ถูกใจ แล้วปล่อยให้ตัวอักษรพาคุณไปพบโลกใหม่ ๆ ที่รอให้คุณค้นหา

ช้อปสินค้าแบรนด์ดัง พร้อมดีลพิเศษทุกวัน สินค้าแบรนด์แท้ 100% ช้อปสินค้าแบรนด์ดัง พร้อมดีลพิเศษทุกวัน สินค้าแบรนด์แท้ 100%

ช็อปสินค้าแบรนด์ Longchamp และ Maison Kitsune พร้อมโปรโมชั่นพิเศษและสินค้าสุดคลาสสิกที่ไม่ควรพลาด!

ช็อปเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่

ช้อปปิ้งออนไลน์ ส่งตรงจากโรงงาน

ห้างออนไลน์ ส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ พร้อมบริการจัดส่งทันทีภายใน 1 ชั่วโมง

Flash Sale ถูกจริง ประหยัดจริง ขนมาทั้งของกิน ของใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย ช้อปเลย ห้ามพลาด!

ช้อปก่อน แล้วจ่ายทีหลัง