ถ้าใครกำลังมองหารองเท้าที่มีทั้งความคลาสสิกและความสดใหม่ในคู่เดียว บอกเลยว่าต้องหันมามอง รองเท้าผ้าใบยูนิเซ็กส์ PALERMO สี Archive Green–PUMA White รุ่นนี้เลยครับ 👟💚🤍 เพราะนี่คือการกลับมาของตำนานจาก PUMA ที่เคยครองใจแฟนบอลและสายสตรีทแฟชั่นในยุคก่อน และตอนนี้ถูกรีเฟรชใหม่ให้เข้ากับสไตล์คนรุ่นนี้แบบเต็ม ๆ
รองเท้าคู่นี้ทำจาก หนังกลับ (Suede) ที่ให้ฟีลพรีเมียมตั้งแต่แรกสัมผัส แถบข้าง PUMA Formstrip ที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังอยู่ครบ เพิ่มลูกเล่นด้วยโลโก้ฟอยล์ทองที่ดูหรูแต่ไม่เว่อร์จนเกินไป ลิ้นรองเท้าเป็นหนังกลับพร้อมโลโก้กดลายนูนเล็ก ๆ ที่ทำให้ดีเทลดูมีเสน่ห์มากขึ้น
เรื่องวัสดุไม่ต้องห่วง เพราะ PUMA ใช้มาตรฐาน Leather Working Group ที่เน้นการผลิตอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซับในเป็นผ้าตาข่ายผสมหนังสังเคราะห์ ช่วยให้ใส่สบายและระบายอากาศได้ดี พื้นรองเท้าเป็นยางทั้งชั้นกลางและชั้นนอก ทำให้เดินมั่นใจและทนทานต่อการใช้งานจริง
พูดง่าย ๆ คือรองเท้าคู่นี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังใส่ใจเรื่องคุณภาพและความรับผิดชอบต่อโลกด้วย
PUMA Palermo Archive Green–PUMA White คือรองเท้าที่เหมาะกับคนที่อยากได้ลุคคลาสสิกแต่ยังคงความสดใหม่ ใส่แล้วดูเท่แบบไม่ต้องพยายามมาก จะหยิบมาแมตช์กับยีนส์ เสื้อยืด หรือแม้แต่ลุคแฟชั่นจัดเต็มก็ไปด้วยกันได้หมด เป็นคู่ที่ทั้งสายแฟชั่นและสายสนีกเกอร์ควรมีติดตู้ไว้จริง ๆครับ
รองเท้า Palermo รุ่นหนังกลับสุดพรีเมียม สีเขียวที่แฟชั่นนิสต้ารอคอย
นิยาย คู่ที่หายไปจากอัฒจันทร์
ปี 1983 เมืองปาเลอร์โม แคว้นซิซิลี อากาศร้อนอบอ้าวเหมือนเตาเผาพิซซ่า ลูกหนังกำลังดังกระหึ่มทั่วเกาะ ทุกวันเสาร์ สนามเรนโซ บาร์เบรา จะเต็มไปด้วยแฟนบอลตัวยงที่สวมเสื้อสีชมพู-ดำ กับรองเท้าผ้าใบสีเขียวเข้มคู่เดียวกันหมด Palermo สีเขียวข้นที่เพิ่งออกใหม่จาก PUMA ติดเท้าทุกคน ตั้งแต่เด็กขายธงยันมาเฟียท้องถิ่น ใครไม่มีคู่นี้ ถือว่าไม่ใช่คนปาเลอร์โมจริงๆ
ลูคา เด็กส่งพิซซ่าอายุสิบเจ็ด เป็นหนึ่งในนั้น เขาเก็บเงินค่าทิปเป็นปีเพื่อซื้อ Palermo คู่แรกในชีวิต สี Archive Green-Puma White พอได้มาวันนั้น เขาใส่ทันที ไม่ยอมถอดแม้แต่ตอนนอน คืนหนึ่งหลังส่งพิซซ่าครบ เขาแวะนั่งกินเจลาโตที่จัตุรัสเปรโตเรีย รองเท้าคู่ใหม่ยังสะอาดเอี่ยง เขาเอาเท้าถูกันเบาๆ อย่างภูมิใจ
“สวยดีว่ะ” เสียงผู้หญิงดังข้างหลัง
เขาหันไปเห็นเด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม สวมเสื้อบอลปาเลอร์โมตัวโคร่ง เธอยื่นเจลาโต้รสพิสตาชิโอให้เขาโดยไม่พูดอะไรเพิ่ม ชื่อเธอคือ “จูเลีย” เธอบอกแค่นั้น แล้วนั่งลงข้างๆ ลูคาเห็นว่าเธอใส่ Palermo คู่เดียวกันเป๊ะ แต่ดูเก่ากว่า หนังกลับซีดลงเล็กน้อย มีรอยคราบอะไรบางอย่างที่ข้างเท้าซ้าย
“ของเธอใหม่จัง” จูเลียพูดพลางยกเท้าขึ้นมาเทียบ “ของฉันใส่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว”
ทั้งคืนนั้น พวกเขาคุยกันไม่หยุด เรื่องทีมบอล เรื่องเพลงอิตาโลดิสโก้ เรื่องอนาคตที่อยากหนีจากเกาะนี้ไปให้ไกล จูเลียเล่าว่าเธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้านขายรองเท้าเก่าแก่ในเมือง แต่พ่อเธอไม่ยอมขาย Palermo รุ่นใหม่เลย เพราะเชื่อว่ารุ่นเก่าดีกว่า ลูคาหัวเราะ เขาบอกว่าเขาจะซื้อคู่ใหม่ให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด
ทุกวันหลังจากนั้น ลูคากับจูเลียกลายเป็นของคู่กัน Palermo สีเขียวสองคู่ เดินเคียงข้างกันทั่วเมืองปาเลอร์โม บางวันนั่งรถเวสป้าคู่กันไปดูทะเล บางวันแอบเข้าไปในสนามที่ปิดแล้วเพื่อเตะบอลกันสองคน ลูคาสัญญาว่าจะพาจูเลียหนีไปมิลานด้วยกัน ทันทีที่เขาอายุครบสิบแปด
แต่คืนวันที่สิบธันวาคม 1983 ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ลูคานั่งรอจูเลียที่จัตุสเปรโตเรียเหมือนทุกวัน แต่เธอไม่มา เขาโทรไปร้านขายรองเท้า พ่อจูเลียบอกว่า “ลูกสาวฉันไม่อยู่แล้ว มันหนีตามผู้ชายคนนึงไปตั้งแต่เมื่อวาน” ลูคาวิ่งไปที่บ้านเธอทันที ประตูเปิดแง้ม เขาเห็นรองเท้า Palermo คู่เก่าของจูเลียวางกองอยู่หน้าประตู เปื้อนโคลนเปียก มีรอยเท้าเลือดจางๆ ติดอยู่ข้างใน
ลูคาตกใจจนขาแข็ง เขาคิดว่าจูเลียถูกทำร้าย เขารีบวิ่งไปหาตำรวจ แต่ตำรวจกลับหัวเราะใส่หน้า “เด็กสาวหนีตามผัวใหม่ มันเรื่องปกติของเมืองนี้แหละ” ลูคาไม่เชื่อ เขาเก็บ Palermo คู่ของจูเลียกลับบ้าน ซ่อนไว้ใต้เตียง แล้วเริ่มตามหาเธอด้วยตัวเอง ทุกคืนเขาจะหยิบคู่ของเธอออกมานั่งมอง นั่งดมกลิ่นหนังกลับที่ยังหลงเหลือกลิ่นน้ำหอมของเธอ
เวลาผ่านไป 42 ปี
ปี 2025 ลูคาอายุหกสิบ แต่ยังคงอยู่ในปาเลอร์โม เปิดร้านพิซซ่าขนาดเล็กชื่อ “La Palermo” ใต้ร้านมีห้องลับที่เขาเก็บของทุกอย่างที่เกี่ยวกับจูเลีย รวมถึง Palermo คู่เก่าที่ไม่เคยทิ้ง ทุกปีเขาจะสั่ง Palermo สี Archive Green-Puma White รุ่นรีเมคใหม่มาคู่หนึ่ง วางคู่กับของเก่า แล้วถ่ายรูปส่งไปในกลุ่มเฟซบุ๊กเก่าๆ ที่ชื่อ “Palermo Lovers 1983” โดยไม่เคยพูดอะไร
วันหนึ่ง มีเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามาในร้าน สวม Palermo สีเขียวเข้มคู่ใหม่เอี่ยม เด็กคนนั้นพูดขึ้นว่า
“ลุงครับ ผมชื่อลูคาเหมือนกัน ผมมาแทนคุณยายจูเลียครับ”
ลูคาเก่าตัวแข็ง เด็กหนุ่มยื่นรูปถ่ายเก่าๆ ให้ดู เป็นรูปจูเลียตอนสาว ยืนกอดชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนลูคาเป๊ะ แต่ชายคนนั้นไม่ใช่เขา
“คุณยายเล่าให้ฟังทุกวันว่า เมื่อปี 1983 คุณยายหนีตามลุงอีกคนที่ชื่อลูคาเหมือนกัน แต่ลุงคนนั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์คืนวันที่สิบธันวาคม คุณยายเสียใจมาก เลยทิ้งรองเท้าไว้หน้าบ้าน แล้วหนีไปมิลานคนเดียว คุณยายบอกว่า ถ้าวันนึงมีโอกาส อยากให้หลานชายมาบอกลุงว่า… คุณยายไม่เคยลืมลุงเลย”
ลูคาเก่าน้ำตาไหล เขาเดินไปหยิบกล่องเก่าๆ ใต้เคาน์เตอร์ เปิดออกมาเป็น Palermo คู่ของจูเลียเมื่อสี่สิบสองปีก่อน ยังอยู่ในสภาพดี เพราะเขาเช็ดทำความสะอาดทุกวัน
เด็กหนุ่มยิ้ม “คุณยายฝากมาด้วยครับ ว่าถ้าลุงยังเก็บคู่ของยายไว้อยู่… ขอให้ลุงใส่คู่ใหม่ที่ลุงซื้อทุกปี แล้วเดินไปที่จัตุสเปรโตเรียในวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคม เวลาสี่ทุ่มเป๊ะ คุณยายจะมารอ”
ลูคาเก่าส่ายหน้า “ยายเธออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว จะมาได้ยังไง”
เด็กหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วยกเท้าขึ้นให้ดู รองเท้า Palermo คู่ใหม่ที่เขาสวมอยู่ ข้างในพื้นรองเท้ามีลายมือเขียนด้วยปากกาเคมีสีขาวว่า “ฉันยังใส่คู่เดิมอยู่ทุกวัน – จูเลีย 2025”
ลูคาเก่ามองเท้าตัวเอง Palermo คู่ล่าสุดที่เพิ่งแกะกล่องเมื่อสัปดาห์ก่อน ยังไม่ได้ใส่เลย เขาค่อยๆ หยิบขึ้นมา สวมลงเท้า ข้างซ้ายก่อน แล้วข้างขวา รองเท้าพอดีเป๊ะเหมือนเมื่อสี่สิบสองปีก่อน เขายกเท้าขึ้นดูใต้พื้นรองเท้า มีลายมือตัวเดียวกัน เขียนว่า “ฉันรอลุงอยู่นะ – จูเลีย 2025”
เขาเงยหน้าขึ้น เด็กหนุ่มยิ้ม แล้วเดินออกจากร้านไป ลูคาเก่ายืนนิ่งอยู่หน้าประตูร้าน มองตามหลังเด็กหนุ่มที่ค่อยๆ หายไปในแสงสลัวของถนนเก่า Palermo สีเขียวเข้มคู่ใหม่ที่เท้าเขา เริ่มมีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมที่เขาจำได้ขึ้นใจ
คืนวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคม ปี 2025 เวลาสี่ทุ่มเป๊ะ จัตุสเปรโตเรียยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม มีเพียงชายชราสวม Palermo สีเขียวเข้มคู่ใหม่ เดินช้าๆ มาถึงม้านั่งหินอ่อนตรงกลางจัตุรัส เขานั่งลง มองไปรอบๆ
แล้วเขาก็เห็นเธอ
ผู้หญิงชราผมขาวทั้งหัว สวมเสื้อบอลปาเลอร์โมตัวเก่า เดินมาช้าๆ ด้วยไม้เท้า แต่ที่เท้าของเธอ คือ Palermo คู่เดิมเมื่อปี 1983 หนังกลับซีดลงจนเกือบขาว แต่ยังคงสวยงามเหมือนวันแรก
เธอนั่งลงข้างเขา ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยกเท้าขึ้นมาแตะกับเท้าของเขาเบาๆ
Palermo สองคู่ สีเขียวเข้มที่ห่างกันสี่สิบสองปี กลับมาเจอกันอีกครั้ง
บนม้านั่งหินอ่อน จัตุสเปรโตเรีย เมืองปาเลอร์โม ใต้แสงจันทร์เต็มดวง
ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสองนั่งอยู่นานแค่ไหน
มีเพียงคนผ่านไปมาที่เล่าว่า เห็นชายชรากับหญิงชรายิ้มให้กัน แล้วค่อยๆ หายไปพร้อมกับลมเย็นของฤดูหนาว
เหลือเพียงรองเท้าผ้าใบสีเขียวเข้มสองคู่ วางเคียงข้างกันบนม้านั่ง ราวกับไม่เคยห่างกันเลยสักวันเดียว


